เกษตรเวียดนาม...คิดทำอะไรอยู่?
นายกรัฐมนตรี เหวียน ซวน ฟุ๊ก จะนำพาการเกษตรเวียดนาม สู่ความเป็นผู้นำได้หรือไม่? (ภาพจาก อินเตอร์เน็ต)

เมื่อวานนี้ (22/12/59) ผมได้รับไลน์จาก อาจารย์ประทีป กุณาศล นักวิชาการพืชสวนอิสระ อดีตข้าราชการกรมวิชาการเกษตร ผู้เป็นที่เคารพเป็นการส่วนตัวและในฐานะที่ปรึกษา “เกษตรก้าวไกลดอทคอม” ใจความในไลน์นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้านการเกษตรของประเทศเวียดนาม ผมอ่านดูก็น่าสนใจมาก จึงเรียนถามว่าใครเขียนมา ก็ได้รับคำตอบว่าคุณธีรพงษ์ ฤทธิ์มาก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซิตโต้ (เวียดนาม) จำกัด เป็นผู้เขียนสรุปมา อันว่าเจ้าของใหญ่บริษัทซิตโตก็คือ คุณสรรพ์ บุญเจริญ ซึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นไกลและอาจารย์ประทีปก็เป็นที่ปรึกษาบริษัทซิตโต้อยู่ด้วย ทราบว่าเป็นบริษัทรายแรกๆ ของคนไทยที่เข้าไปทำตลาดธุรกิจเคมีภัณฑ์สัตว์น้ำในเวียดนาม จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางของชาวเวียดนาม จึงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกษตรเวียดนามเป็นอย่างดี

เอาละ ขอเข้าเรื่องที่คุณธีรพงษ์ ได้เขียนส่งมาทางไลน์ ดังนี้

ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานประชุมใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา…เมื่อก่อนผมก็ว่าเวียดนามยังอีกนานกว่าจะตามทันบ้านเราแต่เดี๋ยวนี้ผมชักเริ่มไม่เเน่ใจ ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเสวนาเปิดตัวสมาคมธุรกิจเกษตรและดิจิทัลเเละเสวนาในหัวข้อเรื่อง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจเกษตรในเชิงอุตสหกรรม ซึ่งได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี ท่านเหวียน ซวน ฟุ๊ก มาเข้าร่วมและเป็นประธานในที่ประชุม ขอสรุปหลักๆเรื่องที่สำคัญดังนี้

๑. สมาคมฯที่กล่าวมาด้านบนเป็นสมาคมตั้งใหม่เอี่ยมแต่มีพาวเวอร์มากถึงขนาดเชิญท่านนายกมาร่วมงานได้ เพราะประธานสมาคมคือ Chairman ของบริษัทไอทีที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม FPTนา

๒. เวียดนามตั้งเป้าจะเป็นอันดับหนึ่งสำหรับประเทศที่ส่งออกผลิตภันฑ์จากการเกษตรไปทั่วโลกภายในปี 2025

๓. สนับสนุนเน้นการแปรรูปเพิ่มมูลค่า

๔. ยกเลิกปลูกข้าว ๗๐๐,๐๐๐ เฮกตาร์เพื่อหันไปปลูกพืชที่มีมูลค่าทางเศษฐกิจสูงกว่า (การปลูกข้าวมีมูลค่าเพิ่มต่ำมากเฉลี่ยรายได้ชาวนาอยู่เเค่ ๕๐,๐๐๐ บาทต่อเฮกตาร์)

๕. เพิ่มพื้นที่การเลี้ยงกุ้งเนื่องจากปัญหาผลกระทบจากน้ำเค็มที่รุกล้ำเข้ามาทำให้ไม่สามารถปลูกข้าวได้ (เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส)

๖. ตั้งเป้าส่งออกกุ้งมูลค่า ๑๐ ล้านเหรียญฯ

๗. จะเป็นคู่เเข่งเอกวอดอร์และฟิลิปินส์เพื่อปลูกกล้วยส่งออก

๘. รัฐบาลจัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำพิเศษเพื่อสนับสนุนให้บริษัทต่างๆหันมาลงทุนด้านธุรกิจเกษตร (๕๐,๐๐๐ ล้านด่อง)

๙. สนับสนุนให้เปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรแบบเก่า (เป็นเกษตรกร) ให้หันมาวาง Position ใหม่ว่าเกษตรก็คือธุรกิจรูปแบบหนึ่ง สนับสนุนให้ทำให้คิดในเชิงธุรกิจ

๑๐. สนับสนุนให้คนที่เรียนจบทางด้านเกษตรหันกลับไปทำการเกษตรเเทนที่จะไปเป็นเซลล์ขายปุ๋ยขายยา

๑๑. ส่งเสริมเเละสนับสนุนให้ทุกภาคธุรกิจหันมาสนใจด้านการเกษตรเเละลงทุนทำการเกษตรโดยเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มมูลค่าและรายได้จากการทำเกษตร

๑๒. ที่จังหวัดเลิ่มด่อง , ดาลัด มีเกษตรกรที่สามารถทำรายได้เฉลี่ยปีละ ๑๒.๓ ล้านบาทต่อเฮกตาร์ต่อปีจากการปลูกผักแบบผักไฮโดรโปนิกส์

๑๓. รัฐไม่ได้สนับสนุนเฉพาะรายใหญ่แต่สนับสนุนทั้งรายย่อยหรือแม้กระทั้งเกษตรกรเอง ขอให้ร่วมตัวกันมา มีเเผนงานที่ดีเป็นรูปธรรม รัฐช่วยเหลือหมด ไม่ได้ผูกขาดเฉพาะบริษัทใหญ่เท่านั้น

จำนวนคนเข้าร่วมประชุม ๕๐๐ คนมาจากทุกภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเกษตร การเงิน การธนาคาร ภาครัฐ นักวิชาการนักวิจัย บริษัทเงินทุนฯ บริษัทไอที โลจิสติก ฯลฯ ผมว่างานนี้เวียดนามเอาจริง เขาบอกว่าเเข่งขันกับต่างชาติหลายๆเรื่องเขาล้าหลังกว่าต้องตามอีกนาน แต่ถ้าเรื่องเกษตรเขาได้เปรียบมีไม่กี่ประเทศที่มีสภาวะเเวดล้อม ภูมิอากาศเหมาะสมเหมือนเวียดนาม แต่ต้องเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำของเกษตรกรให้คิดในเชิงธุรกิจเเละสร้างอำนาจต่อรอง เรียนรู้การแปรรูปและเพิ่มมูลค่า

“เวียดนามไม่เคยมีนโยบายประกันราคา จำนำราคาสินค้าเกษตร ไม่เคยมีนโยบายเเจกเงินให้เกษตรกรเลยครับ (อย่างน้อยตั้งเเต่ผมมาอยู่ที่นี้ ๑๗ ปีเเล้ว) เกษตรกรเขาจนก็จริงแต่เขาเข้มเเข็งกว่าเกษตรกรไทยครับ คุณธีรพงษ์ สรุปทิ้งท้าย

ผมอ่านดูอย่างละเอียด พินิจพิจารณา …โอ๊ะ นี่มันสิ่งที่ประเทศไทยเราคิด คนไทยเราทำกันมานานแล้ว แต่สำเร็จหรือยัง วัดผลได้หรือยัง ก็ยังตอบไม่ได้ครับ

เวลานี้ เราจะมาหลงใหลได้ปลื้มว่าเราคิดก่อนทำก่อนไม่ได้แล้ว ….ใครทำสำเร็จก่อนต่างหากละที่จะได้รับคำชื่นชม

ผมไม่ได้หลงนิยมเวียดนาม และอาจารย์ประทีป ก็เป็นคนหนึ่งที่มองว่าประเทศไทยเรายังมีดีกว่าเวียดนามเยอะ อย่างเช่นระบบอินฟาทรัคเจอร์ต่างๆ ถนนหนทาง ระบบพื้นฐานต่างๆเราดีกว่าเขามาก คนไทยเราอัธยาศัยดีกว่า จิตใจโอบอ้อมอารี ยิ้มแย้มแจ่มใส ข้อนี้คนชาติอื่นมีไม่เท่าเรา แล้วทำไมเราจะสู้เขาไม่ได้ เป็นผู้นำไม่ได้

สุดท้าย ผมก็สรุปกับอาจารย์ประทีปว่า ประเทศไทยของเรา คนไทยของเราดีกว่าทุกอย่าง แต่เรามาเสียเวลากับหลายๆเรื่อง ที่ไม่เป็นเรื่อง ที่ไม่ใช่เรื่องของการนำไปสู่ข้างหน้า….

คนไทยเรารู้กันมานานว่า “เกษตรคือประเทศไทย”…แต่ทำไมเราพัฒนาไปได้ไม่ไกลกว่าที่ควรจะเป็น…ที่เขียนมานี้ก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับคนไทย เกษตรกรไทย (รวมทั้วตัวเอง) เราเดินมาถูกทาง “นาน” แล้ว

ขอให้เดินไวขึ้นเท่านั้น อย่าต่างคนต่างเดิน เป้าหมายของเราอยู่ไม่ไกลแล้ว “กษัตริย์คือเกษตร” และ “เกษตรคือประเทศไทย” ยึดมั่นไว้แล้วไปให้ถึงครับ

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated