กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะทำบัญชี 3 มิติ เป็นแนวทางปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะทำบัญชี 3 มิติ เป็นแนวทางปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะเกษตรกรและประชาชนใช้บัญชีเป็นเครื่องมือช่วยในการประกอบอาชีพ หวัง “ทำบัญชีได้ ใช้ข้อมูลบัญชีเป็น” พร้อมสานต่อองค์ความรู้ด้านบัญชี 3 มิติ รู้ตนเอง – รู้สภาพแวดล้อม – รู้อนาคต สามารถคิดวางแผน นำไปพัฒนาอาชีพของตนเอง โดยมีบัญชีเป็นภูมิคุ้มกันและคู่มือชีวิต

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะทำบัญชี 3 มิติ เป็นแนวทางปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19
นายโอภาส ทองยงค์

นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน เกษตรกรและประชาชนทั่วไป ต่างได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) บางคนถูกเลิกจ้าง บางคนมีรายได้ลดลง การประกอบอาชีพติดขัด จึงจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างมีสติ ไม่ประมาท และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงขอแนะนำให้ผู้ที่รับผลกระทบครั้งนี้ นำหลักการทำบัญชี 3 มิติ มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ได้แก่ รู้ตนเอง รู้สภาพแวดล้อม และรู้อนาคต ยึดตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพึ่งตนเอง รู้จักความพอประมาณ และไม่ประมาท สามารถคิด วางแผน แล้วนำไปพัฒนาอาชีพของตนเองได้ โดยมีบัญชีเป็นภูมิคุ้มกันและคู่มือชีวิต

อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า การทำบัญชีจะเป็นเครื่องมือในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและประชาชนได้นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งการทำบัญชีแบบ 3 มิติ เป็นหนทางหนึ่ง ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ หรือเปรียบเป็นบันไดก้าวไปสู่ความพอเพียงได้อย่างแท้จริง โดยมิติแรกคือ “รู้ตนเอง” รู้ถึงการใช้จ่ายเงินในแต่ละวัน รู้รายได้ รู้รายจ่าย รู้หนี้สิน เปรียบเทียบรายได้ รายจ่าย ฝึกนิสัยการใช้เงิน เริ่มต้นจากลงมือทำบัญชีประจำวัน โดยคิดวิเคราะห์ถึงรายรับ รายจ่าย สิ่งที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป อาชีพใดทำรายได้ดีก็เดินหน้าต่อ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้ทราบรายรับ – รายจ่าย และข้อมูลทางการเงินเท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจและการพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ผู้ทำบัญชีสามารถดำรงชีวิตได้อย่างประสบความสำเร็จ มีภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการดำรงชีวิต ช่วยให้เกิดการจัดระเบียบวินัยในการใช้จ่ายและมองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้

มิติที่สอง คือ “รู้สภาพแวดล้อม” รู้ถึงภูมิสังคม สภาพแวดล้อม ภูมิปัญญาพื้นถิ่น ภูมิอากาศ และการตลาด สร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในชุมชน ไม่ต่างคนต่างอยู่ ซึ่งจะทำให้เกิดการผลิตมุ่งสู่เศรษฐกิจในชุมชน มีการจัดสรรด้านรายจ่าย ลงทุน และเงินออมอย่างเหมาะสม สร้างนิสัยรักการออม และนำไปสู่ความพอเพียง และมิติที่สาม คือ “รู้อนาคต” จากการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลบัญชีอย่างเป็นระบบ แล้วนำข้อมูลทางบัญชีและหลักวิชาการมาใช้วางแผนการประกอบอาชีพ ทำให้รู้ทิศทางการตลาด รู้การวางแผนจัดการฟาร์มล่วงหน้า สร้างการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นเกษตรกรสมัยใหม่ ที่คิด-วางแผน-ลงมือทำ-ทบทวน ซึ่งการบันทึกบัญชีทุกวัน จะทำให้รู้ความเหมาะสม รู้เวลา รู้ว่าเวลาใดผลผลิตจะขายได้ราคา เวลาใดจะเกิดภัยธรรมชาติ ทำให้สามารถกำหนดแผนการประกอบอาชีพและแผนในการดำเนินชีวิตและนำไปสู่ความยั่งยืนได้

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะทำบัญชี 3 มิติ เป็นแนวทางปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19“การมีวินัยทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญและมีความจำเป็นในการวางแผนการดำเนินชีวิต ซึ่งหากนำหลักบัญชี 3 มิติ ไปวางแผนปรับใช้ให้เหมาะสม จะทำให้ทำบัญชีได้ ใช้ข้อมูลเป็น สามารถนำข้อมูลที่ได้รับไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองและคนในครอบครัว รวมถึงมองเห็นช่องทางในการออมและเพิ่มรายได้ สามารถวางแผนการลงทุนและการผลิตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและเกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเป็นโอกาสในการต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน นำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว.

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated