สคช. ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทำ “โครงการมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเป็นการน้อมนำหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรและประชาชนชาวไทยทั้งด้านองค์ความรู้ที่เป็นมาตรฐาน อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน คาดประกาศใช้ได้ภายในพฤษภาคมปีหน้า

ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เปิดเผยว่า ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดทำ “โครงการมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเกษตรกรรม

ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง” เพื่อเป็นการน้อมนำหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรและประชาชนชาวไทยทั้งด้านองค์ความรู้ที่เป็นมาตรฐาน ตรงตามแนวพระราชดำริ และนำไปสู่ภาคปฏิบัติให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพื้นที่ทำการเกษตรของตนเอง จนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข พอเพียง พ้นจากความยากจน อีกทั้ง เพื่อให้สถานศึกษาทุกระดับ สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ ได้ตรงกับแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน อันจะนำประชาชน ชุมชน และสังคมไทยได้เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เกิดการบูรณาการอย่างยืดหยุ่น มีการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม จนสามารถก้าวไปสู่การพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาประเทศสู่ความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน

ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ
ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ

ดร.นพดล ปิยะตระภูมิ รองผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กล่าวถึงมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ว่า “สำหรับองค์ความรู้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถือว่า สคช. จะขอน้อมเกล้านำมาจารึกไว้อย่างเป็นรูปธรรม และเป็นมาตรฐานเพื่อให้คนรุ่นหลังทั้งคนไทย และคนต่างประเทศได้นำหลักการ แนวพระราชดำริ ทฤษฎีใหม่ ไปใช้และปฏิบัติ ตามพระราชดำริที่พระองค์ทรงพระราชทานไว้ และยังจะทำให้เกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงไม่สูญหาย จะยังคงเปรียบเสมือน “ทรัพย์อันทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย” ถ้าประชาชนทั้งประเทศนำไปใช้เชื่อว่าทุกครัวเรือนจะมีความกินดีอยู่ดีมากขึ้น พ้นจากความยากจนด้วยความเพียรอีกหนทางหนึ่ง

การสร้างมาตรฐานอาชีพนี้ นอกจากจะทำให้เกษตรกรได้ประโยชน์จากการทำเกษตรที่ได้ผลผลิตเพิ่มตลอดปี มีความหลากหลายแบบผสมผสานแล้ว ยังเกิดความพอเพียง ไม่ทำเกษตรเกินตัว โดยส่งผลให้มีข้าว น้ำ พืชผล สัตว์ ใช้บริโภคตลอดปี หากเหลือกินเหลือใช้สามารถนำไปขายสร้างรายได้ของครอบครัวอีกด้วย

“คาดว่า การทำมาตรฐานฯ ครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนพฤษภาคม 2561 ในขั้นตอนการรับรองมาตรฐาน สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพจะต้องเชิญบุคคลที่มีความรู้และรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในช่วงการก่อกำเนิด เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งก็คือ อาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด มาให้การรับรองข้อมูลอย่างถูกต้องและถ่องแท้ เพื่อเป็นมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้สมบูรณ์แบบมากที่สุด หลังจากนั้นจะนำองค์ความรู้ที่รวบรวมมาจัดทำเป็นมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบสู่การปฏิบัติอย่างทั่วถึงผ่านเว็บไซต์ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ จึงถือว่า เป็นทรัพย์ของแผ่นดินและเป็นทรัพย์ของสากล หากนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง” ดร.นพดล กล่าว

ทั้งนี้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ขอเรียนเชิญหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมสนับสนุนช่วยเหลือให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย อาทิ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น  ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อันเนื่องมาจากพระราชดำริ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวบ้านทุ่งรวงทอง จังหวัดกำแพงเพชร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาของชาวบ้านโครงการส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เกษตรอนินทรีย์วิถีชุมชนหนองกระโดนมน จังหวัดสุพรรณบุรี ศูนย์ฝึกอบรมเกษตรผสมผสานบ้านโนนรัง-บูรพา จังหวัดนครราชสีมา ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านหนำควาย และที่ขาดไม่ได้ คือ มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิน้ำเพื่ออีสาน และปราชญ์ชาวบ้านที่น้อมนำแนวทฤษฎีใหม่ไปปฏิบัติใช้แล้วเห็นผลเชิงประจักษ์ ประสบความสำเร็จ ขอเชิญท่านให้เข้ามามีส่วนร่วมทำให้เกิดมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ และคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้เกษตรทฤษฏีใหม่ตามหลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อันเปรียบเสมือน “ทรัพย์อันทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย” ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อมวลประชาโลกสืบไป

นายปราโมทย์  ไม้กลัด ประธานที่ปรึกษาของมูลนิธิน้ำเพื่ออีสาน

นายปราโมทย์ ไม้กลัด ประธานที่ปรึกษาของมูลนิธิน้ำเพื่ออีสาน

นายปราโมทย์  ไม้กลัด ประธานที่ปรึกษาของมูลนิธิน้ำเพื่ออีสาน กล่าวถึง หลักการทำทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริว่า ทฤษฎีใหม่เป็นการประยุกต์การทำการเกษตรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงอย่างชัดเจน เป็นพระราชดำริเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็ก ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  โดยทฤษฎีใหม่ เป็นขั้นของความเข้าใจและจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนคือ 30 เปอร์เซ็นต์ ขุดสระเก็บกักน้ำเพื่อใช้เก็บกักน้ำฝน ต่อมา 30 เปอร์เซ็นต์ ปลูกข้าวในฤดูฝนเพื่อใช้เป็นอาหารเพียงพอตลอดปีลดค่าใช้จ่าย ถัดมา 30 เปอร์เซ็นต์ ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เหลือก็นำไปจำหน่าย และสุดท้าย 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์และโรงเรือน  หากเกษตรกรเข้าใจคำว่าทฤษฎีใหม่แน่นอนว่าครอบครัวเกษตรกรนั้นจะมีงานทำตลอดทั้งปี ทำให้เกิดทักษะ เกิดความขยันในการทำงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้และค่าตอบแทนแน่นอน ผลิตผลที่ผลิตในพื้นที่ย่อมมีกินตลอดปี และทำให้เกิดจิตวิญญาณที่จะมุ่งมั่นสู่การทำงาน ซึ่งจะได้ความสุขในชีวิตตอบแทนกลับคืนมาด้วย แต่ต้องมีความเพียรพยายาม ดังพระราชดำรัสของพระองค์ที่ว่า “การทำทฤษฎีใหม่ เป็นเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง…ผู้ที่ปฏิบัตินี้ต้องมีความเพียร และต้องอดทน …ทฤษฎีใหม่…ยืดหยุ่นได้และต้องยืดหยุ่น เหมือนชีวิตของเราทุกคนต้องมียืดหยุ่น ”

“โครงการจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง  เป็นโครงการที่ดี เพราะเป็นการสร้างความยั่งยืนในการน้อมนำ “เกษตรทฤษฎีใหม่และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ให้เกษตรกรหรือผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมนำมาใช้เป็นแนวทางและหลักการอย่างตรงตามแนวพระราชดำริ  ทั้งด้านองค์ความรู้ ความพร้อมในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างเป็นขั้นตอน ความสามารถในการวางแผนอย่างมีกระบวนการ การจัดการทรัพยากรการผลิตอย่างสมดุลและเหมาะสม จนเกิดนวัตกรรมในการพึ่งพาตนเองได้ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์และบริบทพื้นที่” นายปราโมทย์  กล่าว

การจัดทำมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง จะมีการจัดแบ่งระดับของมาตรฐานวิชาชีพ และคุณวุฒิวิชาชีพให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ใน 3 ระดับ คือ 1.ระดับต้น โดยจะมุ่งกำหนดกรอบสมรรถนะเพื่อสร้างเสถียรภาพของการผลิต รายได้ ความมั่นคงของตัวเกษตรกรและชุมชนชน มุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง  ถัดมา 2. ระดับกลาง ที่มีกรอบของสมรรถนะมุ่งเน้นการสร้างกลุ่มหรือสหกรณ์  เพื่อดำเนินการการเกษตรอย่างครบวงจร และ 3. ระดับก้าวหน้า ที่มีกรอบสมรรถนะมุ่งเน้นการเป็นผู้ประกอบการ และสร้างเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกเพื่อสนับสนุนการผลิตและการตลาด

ทั้งนี้ การจัดทำมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อกำหนดแนวทางเดินให้กับเกษตรกร ซึ่งในตอนนี้เกษตรกรมีพื้นฐานความเข้าใจอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เรียกว่า “ภูมิปัญญาชาวบ้าน” แต่อาจไม่สมบูรณ์ ถ้าหากทางสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพดำเนินการต่อยอดเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจและชี้ให้เห็นภาพว่ามาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพคืออะไร ตรงนี้ถือว่าสำคัญมาก

ส่วนเรื่องเครื่องจักรกลต่าง ๆ ทางภาครัฐเองก็ต้องเข้ามาช่วยสนับสนุนต้องทำตามพระราชดำรัสว่า “บวร” และต้องสร้างความริเริ่มในการพัฒนาให้กับเกษตรกรด้วย โดยทาง สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ จะต้องแนะแนวทางการสร้างมาตรฐานว่าควรเป็นแบบใดและขับเคลื่อนตามมาตรฐานได้อย่างไร” อาจารย์ปราโมทย์ อธิบายต่อว่า “นอกจากนี้ มาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเกษตรกรรม ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง จะต้องเป็นการพัฒนาศักยภาพ และสมรรถนะของเกษตรกรหรือผู้ประกอบอาชีพทางการเกษตรได้อย่างสอดคล้องกับการเกษตรกรรมตามแนวพระราชดำริ และทิศทางการพัฒนาภาคเกษตรในบริบทของ Thailand 4.0 สู่การเป็นเกษตรกรที่มีมาตรฐาน และมีสมรรถนะมืออาชีพ นำไปสู่การขยายผลของความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในอาชีพเกษตรกรรมต่อไป

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated