ธ.ก.ส. เฟ้นหาสุดยอดชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ปี 2568 โดยนำชุมชนอุดมสุขจาก 9 ภูมิภาคทั่วประเทศมาแข่งขันกันในรอบนี้ เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวม 220,000 บาทและโล่เกียรติยศ พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนนำเสนอสุดยอดผลิตภัณฑ์เกรด Triple A ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวมาให้เลือกซื้อเพื่อเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 โดย ธ.ก.ส. เดินหน้ายกระดับชุมชนอุดมสุขสู่การเป็นแกนกลางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าปี 2568 ขยายฐานชุมชนอุดมสุขเพิ่มอีก 300 ชุมชน เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและยั่งยืนสู่เศรษฐกิจฐานราก


วันนี้ (16 ธันวาคม 2568) ณ ห้องประชุมจำเนียรสาร ชั้น 24 เกษตรธนากร อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลชุมชนผู้ชนะ “ชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ปี 2568” เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับชุมชนอุดมสุขสู่การ เป็นแกนกลางการเกษตรที่มุ่งเน้นการพัฒนาทั้ง 4 มิติ ประกอบด้วย ด้านมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประเพณี ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้ BCG Model เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีการนำสุดยอดผลิตภัณฑ์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัวเกรด Triple A จาก 13 ชุมชน ได้แก่ แชมป์ชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนยอดเยี่ยม ระดับประเทศ จำนวน 4 ชุมชน และชุมชนอุดมสุขระดับภูมิภาคที่เข้าร่วมประกวด 9 ชุมชน มาจัดแสดงและจำหน่ายให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เลือกซื้อไว้สำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ ปี 2569 เพื่อมอบให้กับคนพิเศษอีกด้วย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิคณะผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. เข้าร่วมกิจกรรม


ฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้จัดการประกวด “ชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืน ยอดเยี่ยมระดับประเทศ ปี 2568” ภายใต้สโลแกน “กินอิ่ม นอนอุ่น หุ่นดี ทุนมี หนี้ลด หมดทุกข์” โดยจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดย ธ.ก.ส. ได้คัดเลือกชุมชนอุดมสุขที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการจัดประกวดระดับภูมิภาค 9 ชุมชน จาก 9 ฝ่ายกิจการสาขาภาคของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ มาเฟ้นหาชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ เพื่อเป็นต้นแบบชุมชนในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนที่กำลังอยู่ในระหว่าง การพัฒนาที่จะปรับเปลี่ยนการดำเนินงานอันนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนต่อไป โดยสำหรับชุมชนที่คว้ารางวัลชนะเลิศ 3 อันดับแรก จะได้รับเงินสนับสนุน เพื่อนำไปพัฒนาชุมชนและผลิตภัณฑ์มูลค่ารวม 220,000 บาท แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศรับเงินสนับสนุน 100,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินสนับสนุน 70,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 รับเงินสนับสนุน มูลค่า 50,000 บาท ซึ่งการตัดสินรางวัล ธ.ก.ส. จะใช้เกณฑ์ในการพิจารณาหลายมิติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและประเพณี สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ผลิตภัณฑ์ และการตลาด เพื่อให้ได้ชุมชนต้นแบบที่สามารถดำเนินกิจกรรมและจัดทำแผนธุรกิจตามแนวทาง BCG Model มีการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาด้านการตลาด และการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นแกนกลางทางการเกษตรตามเป้าหมายของ ธ.ก.ส. ซึ่งการประกวดครั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมเป็นกรรมการตัดสิน นำโดยนางสาวลดาวัลย์ คำภา ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานกรรมการตัดสิน นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมด้วยประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
โดยผลการตัดสินปรากฏว่า ชุมชนบ้านโนนกระสัง จากจังหวัดนครราชสีมา คว้ารางวัลชนะเลิศชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนยอดเยี่ยม ระดับประเทศ รับเงินรางวัลสนับสนุนสำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ มูลค่า 100,000 บาท ส่วนรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ ชุมชนบ้านกกปลาซิว จากจังหวัดสกลนคร มูลค่า 70,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ ชุมชนบ้านควนจำปา จากจังหวัดชุมพร รับเงินรางวัล 50,000 บาท

ทั้งนี้ ในปี 2567 ธ.ก.ส. ได้ยกระดับชุมชนอุดมสุขไปแล้ว จำนวน 181 ชุมชนทั่วประเทศ ที่มีการจัดทำแผนธุรกิจและขับเคลื่อนการทำเกษตรสมัยใหม่ภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนแบบองค์รวม (BCG Model) โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน ทำให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 18.30 คิดเป็นเงินกว่า 131 ร้อยล้านบาท ส่วนในปี 2568 ธ.ก.ส. ยังได้ตั้งเป้าหมายในการยกระดับชุมชนอุดมสุขทั่วประเทศให้ได้อีกไม่น้อยกว่า 300 ชุมชน

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้มีการจัดแสดงและจัดจำหน่ายสินค้าและบริการคุณภาพดีจากแชมป์ชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืนระดับประเทศ ปี 2564 – 2567 และผู้เข้าแข่งขันชุมชนอุดมสุขที่ยั่งยืน ระดับประเทศ ปี 2568 รวม 13 ชุมชน ที่ได้นำ
อัตลักษณ์เฉพาะตัว และหาซื้อไม่ได้จากที่อื่นมาจัดจำหน่ายในงานนี้เท่านั้น ได้แก่

1) ชุมชนบ้านผารังหมี จ.พิษณุโลก ผลิตภัณฑ์จักสานจากไม้ไผ่ พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนเชิงอนุรักษ์ //2) ชุมชนบ้านทุ่งศรี จ.แพร่ ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมือง ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ และของที่ระลึกจากภูมิปัญญาท้องถิ่น //3) ชุมชนบ้านเจริญสุข จ.บุรีรัมย์ ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมพื้นบ้าน ผ้าฝ้ายทอมือ และงานหัตถกรรมชุมชน ควบคู่กิจกรรมเรียนรู้วิถีอีสานและโฮมสเตย์ //4) ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย ผลิตภัณฑ์จากผ้าหมักโคลน อาทิ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ และบริการโฮมสเตย์ พร้อมโปรแกรมท่องเที่ยววิถีชุมชน //5) ชุมชนบ้านหนองบัว จ.พะเยา ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวและวัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ข้าวอินทรีย์ น้ำปู๋ และเนื้อแดดเดียวพร้อมทาน พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร //6) ชุมชนบ้านท่าช้าง จ.พิษณุโลก ผลิตภัณฑ์เห็ดแปรรูปภายใต้แบรนด์มัชใจและของดีจากชุมชน เช่น พริกแกง ขนมไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้าน //7) ชุมชนบ้านกกปลาซิว จ.สกลนคร ผลิตภัณฑ์น้ำหมากเม่าคั้นสด ไวน์หมากเม่า เครื่องดื่มจากตรีผลา และผ้าครามอินทรีย์ที่ผลิตด้วยนวัตกรรม Eco Print //8) ชุมชนบ้านโนนกระสัง จ.นครราชสีมา ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือ เครื่องจักสาน และของใช้จากวัสดุธรรมชาติ พร้อมกิจกรรมเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น //9) ชุมชนบ้านบางตาแผ่น จ.อ่างทอง ผลิตภัณฑ์จักสานจากไม้ไผ่และวัสดุธรรมชาติ เช่น ตะกร้า ของใช้ในครัวเรือน พร้อมท่องเที่ยววิถีชุมชนลุ่มน้ำ //10) ชุมชนบ้านเหนือ จ.นครปฐม ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรและอาหารพื้นถิ่น พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม //11) ชุมชนบ้านควนจำปา จ.ชุมพร ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวและพืชสมุนไพร เช่น น้ำมันมะพร้าว สบู่สมุนไพร พร้อมท่องเที่ยวเชิงเกษตรและโฮมสเตย์ //12) ชุมชนบ้านบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและงานคราฟต์รักษ์โลก เช่น สบู่สมุนไพร งานจักสาน พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ “ปอดของกรุงเทพฯ” //13) ชุมชนบ้านวังไทร จ.นครศรีธรรมราช ผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้าน อาหารแปรรูป และงานหัตถกรรมท้องถิ่น พร้อมโปรแกรมท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีชุมชนภาคใต้ หรือสำหรับผู้ที่สนใจสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชุมชนอุดมสุข สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BAAC Matching https://baacmatching.baac.or.th หรือ BAAC Branch Outlet ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555














































