สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) หรือ พกฉ. พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพของพระมหากษัตริย์ไทย ด้านการเกษตร มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงประจักษ์ ที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง ผ่านการเรียนรู้ลงมือทำ ทั้งการจัดนิทรรศการหมุนเวียน งานมหกรรมเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ตลาดเศรษฐกิจพอเพียง ตลาดชุมชน การสร้างแรงบันดาลใจ และการสร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน เพื่อให้พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ แห่งนี้เป็นทั้งแหล่งการเรียนรู้ และสร้างอาชีพที่มั่นคง บนพื้นที่ 374 ไร่ ในพิพิธภัณฑ์และชุมชนทั่วประเทศ โดยเป้าหมายในปี 2568 พกฉ.ได้ปรับกลยุทธ์เดินหน้าขยายผลการเรียนรู้ตามรอยศาสตร์พระราชา เปิดศูนย์เครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ เพื่อหวังขยายผลการเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาให้เข้าถึงชุมชนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเชื่อมโยงสู่พื้นที่ตลาดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ระดับชุมชน 3 จังหวัด ภายใต้แนวคิด “พื้นที่เรียนรู้คู่การสร้างอาชีพ” ที่ช่วยเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ยังมุ่งพัฒนาการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคดิจิทัล โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงองค์ความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์ทั้งเยาวชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไป ด้วยบทบาทนี้ พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ยังคงมุ่งมั่นน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมไทย ต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ

ผลงานเด่นตลอดปี 2568 ที่ผ่านมา
- กิจกรรมเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระอัจฉริยภาพพระมหากษัตริย์ไทยและพระบรมวงศานุวงศ์ ด้านการเกษตร จากการจัดมหกรรม / นิทรรศการหมุนเวียน/ตลาดเศรษฐกิจพอเพียง และเข้าร่วมโครงการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ที่ทำให้ประชาชนคนไทยได้เข้าไปเรียนรู้ด้านเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง พระราชประวัติพระราชกรณียกิจประชาชนเข้าถึงแนวคิดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จำนวนกว่า 570,000 ราย
- ขยายเครือข่ายศูนย์เรียนรู้พิพิธภัณฑ์เกษตร ฯ เป็นการสืบสานและขยายผลศาสตร์พระราชาทำให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าถึงศาสตร์พระราชาด้านเกษตรและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในทุกภูมิภาคสำหรับปีงบประมาณ 2568 ได้ขยายไปรวม 7 แห่งทั่วประเทศ 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ระยอง แพร่ เลย นครสวรรค์ และชุมพร 2 แห่ง

- ขยายตลาดเศรษฐกิจพอเพียงระดับชุมชน ในจังหวัดอุตรดิตถ์ และชุมพร เพื่อสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร สร้างรายได้ และเสริมความเข้มแข็งให้ชุมชน ที่ยังคงความเป็นตลาดแห่งองค์ความรู้
ตลาดแห่งการแบ่งปัน ตลาดแห่งมิตรภาพและตลาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พื้นที่บ่มเพาะภูมิปัญญาท้องถิ่น ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน จำนวน 2 แห่ง - จัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง ทั้งงานมหกรรม นิทรรศการ อบรมวิชาของแผ่นดิน และ Workshop
ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมรับการถ่ายทอดองค์ความรู้วิชาของแผ่นดิน ตลอดปี 2568 จำนวน 12,988 ราย และเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง สุข สนุก เรียนรู้ชัด ปฏิบัติได้จริง มากกว่า 40,000 ราย - ปรับสู่การเรียนรู้ดิจิทัล เปิดโอกาสให้เข้าถึงองค์ความรู้ผ่าน Online และ Onsite ครอบคลุมเยาวชน เกษตรกร ครอบครัว และผู้ประกอบการ

ด้วยการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมตลอดปี 2568 กว่า 570,000 ราย นับเป็นหลักฐานชัดเจนว่าพิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ตามศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้เกิดผลลัพธ์ในระดับครอบครัว ชุมชน และสังคม สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ผลิตและเครือข่ายชุมชน ช่วยเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ อาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน นับเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรมเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงที่เกิดผลลัพธ์เชิงรูปธรรมต่อสังคมไทย

พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ กล่าวว่า “ทุกโครงการและกิจกรรมที่เราดำเนินการ ล้วนมุ่งตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งการเรียนรู้ การสร้างรายได้และการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน และนอกจากความสำเร็จด้านภารกิจ พกฉ. ยังได้รับผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ 2568 ด้วยคะแนน 93.02 อยู่ในระดับ “ผ่านดี” ยืนยันถึงการบริหารงานที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และน่าเชื่อถือ”

พกฉ.ยืนหยัดในบทบาทศูนย์กลางการเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนวัตกรรม ด้านการเกษตรของประเทศ การสร้างโอกาส และสร้างอาชีพ ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก พร้อมก้าวสู่การพัฒนาประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน