“ไทยนิยมยั่งยืน” เสริมแกร่งขบวนการสหกรณ์ไทย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายในการเพิ่มศักยภาพทางด้านการผลิต การแปรรูปและการตลาดให้ขบวนการสหกรณ์ไทยมีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันในตลาดทั้งภายในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเสริมสร้างรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ให้มีความยั่งยืนสามารถยืนด้วยตัวเองได้ด้วยการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรดำเนินการจัดเก็บชะลอและแปรรูปผลผลิตการเกษตรภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืนเพื่อเสริมศักยภาพการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรวงเงิน ,791 ล้านบาท อุดหนุนสหกรณ์การเกษตร 307 สหกรณ์ในพื้นที่ 67 จังหวัด ประกอบด้วย

1.โครงการจัดเก็บพืชผลทางการเกษตรหรือโครงการแก้มลิงวงเงิน 1,017 ล้านบาทให้สหกรณ์ 146 แห่ง สร้างฉางโกดัง ลานตาก เพื่อเก็บชะลอผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 715,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 250,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นตันละ 200 – 500 บาท

2.โครงการรวบรวมและแปรรูปยางพารา วงเงิน 340 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 62 แห่งเก็บชะลอและแปรรูปผลผลิตยางพารา 150,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 42,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้น รายละ 1,190 บาท  3.โครงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร วงเงิน 410 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 99 แห่ง สร้างอุปกรณ์แปรรูปและตรวจสอบคุณภาพผลผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ โรงสีข้าว ห้องเย็น เครื่องชั่ง เครื่องคัดเกรด อาคารแปรรูปให้กับสินค้าเกษตร 9 ชนิด  ได้แก่ ข้าว ผัก/ผลไม้ สมุนไพร ปาล์มน้ำมัน กาแฟ โคนม ประมง ปศุสัตว์และมันสำปะหลัง จำนวน 56,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 300,000 ราย ช่วยเพิ่มปริมาณธุรกิจสหกรณ์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3% และ4.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรวงเงิน 22 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่น้อยกว่า 10,320 รายซึ่งทั้งหมดในขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 80%

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการไทยนิยมยั่งยืนเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากในการเสริมสร้างศักยภาพในการผลิตแปรรูปและการตลาดให้กับสมาชิกสหกรณ์และขบวนการสหกรณไทยให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืนขึ้นไปอีกโดยมีสมาชิกสหกรณ์แลได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวถึง6.1แสนราย ทั้งนี้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำชับให้ดูแลบริหารจัดการโครงการให้เกิดความโปร่งใส่ทุกขบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้น เพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อสมาชิกสหกรณ์มากที่สุดที่ผ่านมากรมได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจและติดตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืนโดยมีรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นประธานในการติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด มีคณะทำงานกำกับติดตามงานในระดับจังหวัดที่มีผู้ตรวจราชการกรมฯทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ มีคณะทำงานประกอบด้วยสหกรณ์จังหวัด ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาธุรกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหารจัดการและตัวแทนภาคประชาชนในจังหวัดเข้าร่วมเพื่อติดตามและกำกับให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความโปร่งใสภายใต้

กระทรวงเกษตรฯ ปลื้ม! “ไทยนิยมยั่งยืน” เพิ่มเขี้ยวเล็บขบวนการสหกรณ์ไทยเข้มแข็ง

“ความถูกต้อง เป็นธรรม ได้ประโยชน์” ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาดและเครื่องมือแปรรูปผลผลิตการเกษตร กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 61 เพื่อรองรับฤดูกาลผลิตทันในต้นปี 62 เป็นต้นไป

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ถึงความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการไทยนิยมยั่งยืนล่าสุดด้วยว่า  เดินหน้าสำเร็จไปแล้วกว่า 80% ดยในส่วนของโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร (แก้มลิง) ได้มีการจัดหาผู้รับจ้างในเดือนสิงหาคม 61 แล้วจำนวน 39 จังหวัด 132 สหกรณ์ 233 รายการ คิดเป็น 87 % และได้มีการยกเลิกรายการ14 จังหวัด 21 สหกรณ์34 รายการ คิดเป็น 12% ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณระหว่างเดือนเม.ย.61-ส.ค.61ดำเนินการเบิกจ่ายแล้ว 233 รายการคิดเป็นงบประมาณ 818,566,633 บาทคงเหลือเหลือจ่าย 39,721,267 บาท นอกจากนี้ยังอยู่อยู่ระหว่างดำเนินการ 34 รายการ คิดเป็นงบประมาณเหลือ 159,629,300 บาท ทั้งนี้งบประมาณเหลือจ่ายและงบประมาณรายการยกเลิก อยู่ระหว่างพิจารณาจากสำนักงบประมาณเพื่อจัดสรรรายการทดแทนกระทรวงเกษตรฯ ปลื้ม! “ไทยนิยมยั่งยืน” เพิ่มเขี้ยวเล็บขบวนการสหกรณ์ไทยเข้มแข็ง

ส่วนความคืบหน้าโครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ระหว่างเม.ย.61 – ส.ค.61ได้ผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้วเช่นกันและมีการเบิกจ่ายแล้ว 224 รายการเป็นเงิน 331  ล้านบาท ส่วนการถ่ายทอดเทคโนโลยีคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.ย.61 โดยเป็นการจัดฝึกอบรม 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของสหกรณ์เป้าหมาย 291 คน  ส่วนโครงการที่ 2 เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “เพิ่มการประสิทธิภาพการผลิตนม” โดยมีเป้าหมาย 100 คน

ในขณะที่ความก้าวหน้าโครงการเพิ่มศักยภาพการรวบรวมและการแปรรูปยางพาราในสถาบันเกษตรกร ได้มีการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วใน23 จังหวัด 57 สหกรณ์133 รายการหรือคิดเป็น  89.26% มีการเบิกจ่ายงบประมาณแล้ว 132 รายการ  คิดเป็นงบประมาณ264 ล้านบาท และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีแล้วเสร็จ ภายใน ก.ย.61เช่นเดียวกัน โดยเป็นการจัดฝึกอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพของ แปรรูปยางพาราเพื่อเพิ่ม มูลค่าในสถาบันเกษตรกรโดยมีเป้าหมาย 115 คน

กระทรวงเกษตรฯ ปลื้ม! “ไทยนิยมยั่งยืน” เพิ่มเขี้ยวเล็บขบวนการสหกรณ์ไทยเข้มแข็ง

ส่วนโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกรพื้นที่ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน จากผลดำเนินงานมีการเบิกจ่ายงบประมาณแล้ว 13.7 ล้าบาทคิดเป็น 61 % และได้มีการอบรมให้ความรู้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว10,229 ราย ใน 36 จังหวัด 46 พื้นที่ คิดเป็น 79.23% ของเป้าหมาย   และได้มีการการสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ โรงเรือนแปรรูป ปรับปรุงอาคารและโกดังดำเนินการหาผู้รับจ้างได้แล้ว 5 แห่ง คิดเป็น 62.50% ของเป้าหมาย 8 แห่ง

หลังจากโครงการไทยนิยมภายใต้ดำเนินงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์เดินหน้าเต็มสูบ โครงการดังกล่าวจะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บของขบวนการสหกรณ์ไทยทั่วประเทศให้เกิดความเข้มแข็งและมีศักยภาพระดับสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่อาชีพและรายได้ที่ยังยืนของสมาชิกสหกรณ์ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลในที่สุด.

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated