กลุ่มมิตรผลก้าวไกล ได้มาตรฐานระดับโลก Bonsucro รายแรกของไทย
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ (คนกลาง) และคณะผู้บริหารกลุ่มมิตรผล ภาคภูมิใจร่วมกันกับมาตรฐานโลกที่ได้รับ

กลุ่มมิตรผลประกาศศักดา…ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรด้านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในระดับโลกอย่าง Bonsucro เป็นรายแรกในประเทศไทยและรายที่ 2 ในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ ภายใต้รูปแบบการทำการเกษตรสมัยใหม่ (Modern Farm)

แปลงปลูกอ้อยของกลุ่มมิตรผล
แปลงปลูกอ้อยที่เน้นการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล นายบันเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มธุรกิจ กลุ่มงานอ้อย กลุ่มมิตรผล  และนายคนอง ศักดิ์เพ็ชร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานโรงงาน กลุ่มมิตรผล ร่วมแถลงข่าว ที่โรงงานน้ำตาลมิตรผล ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

นายกฤษฎา กล่าวว่า “การที่ไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลมิตรผล ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Bonsucro แสดงให้เห็นถึงคุณภาพและความใส่ใจของกลุ่มมิตรผลในการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมที่มีมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการผลิต การจัดการระบบนิเวศ การดำเนินงานที่สอดคล้องกับกฏหมาย รวมไปถึงสิทธิมนุษยชนและแรงงาน ภายใต้แนวนโยบายของกลุ่มมิตรผลในการสร้างความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ในการผลิตสินค้าเกษตร ตั้งแต่ไร่อ้อย โรงงานผลิต จนถึงกระบวนการส่งมอบผลิตภัณฑ์สู่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดความสำเร็จในการดำเนินงานขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อเนื่องมาจากรางวัล Sustainability Award ที่มิตรผลได้รับจาก Bonsucro เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา”

ความภาคภูมิใจร่วมกัน ณ แปลงปลูกอ้อย
ความภาคภูมิใจร่วมกัน ณ แปลงปลูกอ้อย

นายกฤษฎา  กล่าวต่อไปว่าการจัดการเกษตรสมัยใหม่ (Modern Farm) คือแนวทางการทำการเกษตรรูปแบบใหม่ที่กลุ่มมิตรผลได้นำต้นแบบจากประเทศออสเตรเลียมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและดูแลไร่อ้อยของมิตรผลมาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ที่ผ่านมา ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการจัดการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน พัฒนาคุณภาพและปริมาณของผลผลิต รักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นกระบวนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับมาตรฐานของ Bonsucro จึงส่งผลให้ไร่อ้อยของกลุ่มมิตรผลมีความพร้อมในการเข้ารับการรับรองตามหลักมาตรฐาน Bonsucro ในครั้งนี้

นอกจากนี้ การบริหารจัดการโรงงานผลิตน้ำตาลทั้งระบบที่ครอบคลุมด้านคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และ  การดูแลทรัพยากรอย่างยั่งยืนมาโดยตลอด นับเป็นมาตรฐานที่สอดคล้องกับมาตรฐาน Bonsucro ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการยกระดับคุณภาพของผลผลิตให้มากขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการสินค้าของผู้บริโภคและคู่ค้าทางธุรกิจในระดับสากล โดยการได้รับการรับรองผลผลิตน้ำตาลมาตรฐาน Bonsucro ล็อตแรกของกลุ่มมิตรผล จำนวน 7,000 ตันนั้น จะมีการส่งมอบบางส่วนให้กับบริษัท International Refreshment (Thailand) Co.,Ltd. (ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมแบรนด์ PepsiCo) ซึ่งเป็นลูกค้ารายแรกของกลุ่มมิตรผลที่รับมอบน้ำตาลตามมาตรฐาน Bonsucro และมีมาตรฐานการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเช่นเดียวกัน การได้รับการรับรองมาตรฐาน Bonsucro จึงถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจของกลุ่มมิตรผล ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลอันดับที่ 1 ของไทย และอันดับที่ 5 ของโลก

ความภาคภูมิใจร่วมกัน ณ โรงงานผลิตน้ำตาล
ความภาคภูมิใจร่วมกัน ณ โรงงานผลิตน้ำตาล

นายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง “เลขาคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า “Bonsucro เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานด้านการเกษตรสำหรับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลที่ให้ความสำคัญกับสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ผลลัพธ์ที่ได้นั้น ไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพของผู้ประกอบการตั้งแต่ในไร่อ้อยจนถึงกระบวนการผลิตน้ำตาลให้ทัดเทียมระดับสากล แข่งขันได้ในตลาดโลก และเกิดเป็นแนวทางในการทำการเกษตรแบบยั่งยืนเท่านั้น แต่ผู้บริโภคหรือรวมถึงชาวไร่อ้อยเองก็ยังได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีจากผลผลิตที่มีคุณภาพเช่นกัน”

การได้รับมาตรฐาน Bonsucro ของกลุ่มมิตรผล ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรในทุกภาคส่วนให้เทียบเท่าระดับสากล และเป็นการช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยสู่การแข่งขันในตลาดโลก เนื่องจากในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตสินค้าและอาหารรายใหญ่ของโลกหลายรายเริ่มให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีมาตรฐานและยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีนโยบายเลือกใช้วัตถุดิบที่มีกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความยั่งยืน จึงถือเป็นโอกาสของกลุ่มมิตรผลที่จะเสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ

ในปี 2560 กลุ่มมิตรผลมีแผนที่จะขอรับรองมาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็น 42,450 ไร่ และในปี 2561 จะขยายการขอรับรองพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 127,450 ไร่ โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะสามารถขอรับรองพื้นที่ได้ทั้งหมด 4 แสนไร่

(เรื่องและภาพโดย : จตุพล ยอดวงศ์พะเนา)

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated