กรมประมงเปิดเวทีเสวนา ร่วมแก้ปัญหาการเลี้ยงปลาสลิด ฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568 – กรมประมงจัดงานเสวนา ในหัวข้อ “รวมพลังขับเคลื่อนการเลี้ยงปลาสลิด ฝ่าวิกฤตสู่ความยั่งยืน” เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การเลี้ยงปลาสลิดระหว่างเกษตรกร ผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสัตว์น้ำ นายสัตวแพทย์ ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันอุดมศึกษา รวมถึง หน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการเลี้ยงสัตว์น้ำและการเกิดโรคสัตว์น้ำอย่างถูกต้องภายใต้ศักยภาพการผลิตของแหล่งน้ำ เพื่อยกระดับการเลี้ยงปลาสลิดให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอในระยะยาว โดยมี ดร.ณมาณิตา กลับบ้านเกาะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมเสวนา และมีเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาสลิดและเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมกว่า 150 ราย ณ ห้องประชุมขวัญประชา ชั้น 4 เทศบาลตำบลหลักห้า ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพของเกษตรกรไทย โดยเฉพาะจังหวัดสมุทรสาครที่เป็นแหล่งเลี้ยงปลาสลิดที่สำคัญของประเทศ มีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาสลิดมากกว่า 300 ราย บนพื้นที่กว่า 4,500 ไร่ และมีมูลค่าผลผลิตมากกว่า 700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งที่ผ่านมากรมประมงได้ส่งเสริมให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยง การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึง การส่งเสริมการรับรองมาตรฐานสำคัญต่าง ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการบริหารจัดการผลผลิตสัตว์น้ำของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ยกระดับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัยต่อผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เกษตรกรบางส่วนประสบปัญหาปลาตายโดยไม่ทราบสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิต กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อเก็บตัวอย่างมาวิเคราะห์ ซึ่งจากการตรวจและยืนยันผลในห้องปฏิบัติการ พบว่าสาเหตุที่ทำให้สัตว์น้ำมีอาการป่วยและตายเป็นจำนวนมากนั้น เกิดจากคุณภาพน้ำและเชื้อฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม ส่งผลให้ปลาอ่อนแอและสามารถรับเชื้อก่อโรคได้ง่าย ไม่ได้เกิดจากการระบาดของโรคสัตว์น้ำอย่างที่เกษตรกรมีความกังวล ประกอบกับรูปแบบการเลี้ยงที่มีการเลี้ยงอย่างต่อเนื่องและยาวนานโดยใช้ลูกพันธุ์จากบ่อส่งต่อเป็นรุ่น ๆ อาจส่งผลต่อระดับภูมิคุ้มกันของปลารุ่นหลังจึงอาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปลามีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมและเชื้อก่อโรคลดลง ซึ่งจะต้องมีการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป สำหรับวิธีการแก้ไขที่เร็วที่สุด เกษตรกรสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดการคุณภาพน้ำและกำจัดตะกอนของเสียก้นบ่อโดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำที่เหมาะสม คือ ควรมีการกรองน้ำเเละตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนนำน้ำใหม่เข้าบ่อเเละควรพักน้ำหรือฆ่าเชื้อโรคน้ำในบ่อก่อนปล่อยออกสู่ลำรางสาธารณะ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภาพรวม นอกจากนี้ การเลี้ยงปลาแบบผสมผสาน เช่น การเลี้ยงปลาสลิดร่วมกับปลายี่สก ยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อ

สำหรับการเสวนาในวันนี้ เกษตรกรที่ประสบปัญหามีความประสงค์ขอให้ภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการแหล่งน้ำ ด้วยการขุดลอกคูคลองเพื่อเพิ่มอัตราการไหลของน้ำและระดับออกซิเจนที่ละลายในน้ำ รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงก่อนน้ำเข้าบ่อในเเต่ละครั้ง พร้อมกันนี้ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานซักถามข้อสงสัย และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ทั้งในเชิงวิชาการเเละด้านนโยบายอีกด้วย

“กรมประมงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการจัดงานเสวนาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจะนำไปใช้ในการวางแนวทางเพื่อยกระดับการเพาะเลี้ยงปลาสลิดของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”…อธิบดีฯ กล่าว

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated