เป็นผลผลิตเกษตรอีกตัวหนึ่งที่จะต้องพูดคุยกันเรื่องตลาดให้ชัดๆ นั่นก็คือ “อินทผลัมกินผลสด” ที่กำลังจะปิดฤดูกาลปี 64 ปีนี้นับว่าราคาตกต่ำลงจากปีที่ผ่านมา คงเหลือราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 200-400 บาท จากเดิมที่เปิดตลาดราคา 400-700 บาท ในกรณีของพันธุ์บาฮีสีเหลือง ซึ่งเป็นผลผลิตหลักที่มีมากกว่าพันธุ์อื่นๆ เหตุที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาดคิด 19 ที่ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคหดหายไป คือเลือกที่จะซื้อผลไม้ที่มีราคาย่อมกว่า โดยเฉพาะมังคุดที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันราคาตกต่ำมากๆ เพราะไม่สามารถส่งออกไปยังประเทศจีนได้คล่องเหมือนช่วงที่ไม่มีโควิด

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล เจ้าของสวนปามี98 ให้การต้อนรับ คุณสุจินต์ ไชยชุมศักด์ พร้อมคณะ ขณะลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนอินทผลัม
คุณสุเทพ กังเกียรติกุล เจ้าของสวนปามี98 ให้การต้อนรับ คุณสุจินต์ ไชยชุมศักด์ พร้อมคณะ ขณะลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนอินทผลัม

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล เจ้าของสวนอินทผลัมปามี98 สวนขนาดใหญ่ของอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ได้ให้สัมภาษณ์ “เกษตรก้าวไกล” ว่า ภาพรวมของผลผลิตอินทผลัมผลสดแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด ที่ทำให้ราคาตกต่ำลง แต่ยอดขายของสวนก็ยังไม่น่าวิตกมาก เพียงแต่ต้องปรับกลยุทธ์การขายด้วยการสร้างแรงจูงใจให้มากขึ้น

“ปัญหาของอินทผลัมคือผลผลิตจะออกมากระจุกพร้อมๆกันในเดือนกรกฎาคม ทำให้ระบายตลาดไม่ทันและประจวบกับกำลังซื้อปีนี้ลดลง จึงต้องปรับลดราคาลงเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นราคาขายของสวนวันนี้(18 สิงหาคม 2562) ที่อยู่ในช่วงต้อนรับวันสารทจีน ปกติก่อนหน้านี้เราจะขายกิโลกรัมละ 298 บาท แต่ช่วงนี้จะเป็นราคาพิเศษและเป็นการส่งท้ายฤดูกาลซึ่งจะมีผลผลิตไปจนสิ้นเดือนสิงหาคมเราจะขายกิโลกรัมละ 198 บาท และมีกลยุทธ์ ซื้อ 6 กิโลกรัม แถม 1 กิโลกรัม (ตามภาพประกอบ) ซึ่งก็ส่งผลให้ลูกค้าซื้อในปริมาณที่มากขึ้น จากเดิมคนซื้อมีมากแต่ซื้อผลผลิตต่อคนน้อยกว่า โดยนอกจากจะมีร้านอยู่ในสวน(สวนปามี98 บางใหญ่) เรายังจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั้งห้างท้อปเครือเซ็นทรัล เดอะมอลล์ ฯลฯ”เกษตรกรนนทบุรีชี้ 3 แนวทางพัฒนาการปลูกอินทผลัมสู่ความยั่งยืน

สำหรับในอนาคต คุณสุเทพ กล่าวว่า จะมีทางออก 3 แนวทาง คือจะต้องวางแผนให้ผลผลิตออกก่อนฤดูหรือออกหลังฤดู ซึ่งที่สวนปามี98ได้วางแผนมา 3 ปีแล้ว และจากการทดลองเราสามารถทำให้ออกก่อนหรือหลังฤดูได้ แนวทางที่สอง จะต้องเน้นการแปรรูปให้มีความหลากหลาย อย่างที่สวนจะทำเป็นน้ำอินทผลัม หรือเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น อินทผลัมผสมน้ำดอกอัญชัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและที่กำลังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น อินทผลัมน้ำขิง อินทผลัมกระชาย อินทผลัมฟ้าทะลายโจร อินทผลัมกัญชง อินทผลัมว่านหางจระเข้ ฯลฯ แนวทางที่สาม จะต้องเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน เรามีประสบการณ์เรื่องของการส่งออกทุเรียนที่เราสามารถเปิดตลาดและครองส่วนแบ่ง 70% ของตลาดโลกได้เกษตรกรนนทบุรีชี้ 3 แนวทางพัฒนาการปลูกอินทผลัมสู่ความยั่งยืน

“ประเทศจีนไม่สามารถผลิตทุเรียนได้ดีเท่ากับเรา เช่นเดียวกับอินทผลัม เพราะว่าบ้านเขามีช่วงอากาศหนาวมากกว่าอากาศร้อน จึงยากที่จะทำผลผลิตได้คุณภาพ ซึ่งถ้าเราใช้โมเดลทุเรียนเปิดตลาดประเทศจีนได้จะทำให้เราสามารถขยายตลาดออกไปได้อีกมาก ปัญหาของเราเวลานี้คือนักวิชาการและภาครัฐยังให้ความสนใจอินทผลัมน้อยเกินไป ซึ่งผมมีความคิดว่า เราควรจะนำอินทผลัมไปให้ผู้ส่งออกได้ทดลองชิมรสชาติดู ทางสวนผมยินดีให้ความร่วมมือขายให้ในราคาพิเศษ เพื่อให้เกษตรกรทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน”เกษตรกรนนทบุรีชี้ 3 แนวทางพัฒนาการปลูกอินทผลัมสู่ความยั่งยืน

ในตอนท้ายคุณสุเทพมองว่า ประเทศไทยมีชัยภูมิที่เหมาะสมต่อการทำเกษตรดีที่สุดในโลก จึงมีความเชื่อมั่นว่าเกษตรกรของเราสามารถทำผลผลิตได้คุณภาพ “ผมมองว่าการตลาดอินทผลัมยังไม่ค่อยน่าห่วงมากนัก ผู้บริโภคในประเทศเริ่มขยายวงกว้างขึ้น ราคาขนาดนี้ยังพออยู่ได้แต่ถ้าราคาต่ำกว่า 100 ก็จะอยู่ยากเหมือนกัน จึงฝากให้ผู้เกี่ยวข้องช่วยกันวางแผนและผลักดัน หากเราวางแผนการผลิต การแปรรูป และการกระจายตลาดได้ดีก็เชื่อมั่นว่าอินทผลัมจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความยั่งยืนได้” คุณสุเทพ กล่าวอย่างมั่นใจ.เกษตรกรนนทบุรีชี้ 3 แนวทางพัฒนาการปลูกอินทผลัมสู่ความยั่งยืน

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated