หมายเหตุ-เกษตรก้าวไกล/ ผลการตัดสินเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ได้ประกาศมอบรางวัลชนะเลิศให้กับ นายปรีชา หงอกสิมมา เกษตรกรรุ่นใหม่จาก จ.ขอนแก่น

ประวัติ หลังจากสำเร็จการศึกษาด้านเกษตรมาโดยตรงและเริ่มทำงานในโครงการส่วนพระองค์ มูลนิธิชัยพัฒนา เขาทำหน้าที่เป็นวิทยากรฝึกอบรมให้เกษตรกรและผู้สนใจแนวพระราชดำริ ก่อนจะลาออกแล้วหันหน้ายึดอาชีพเกษตรกร โดยนำความรู้พื้นฐานด้านเกษตรที่ร่ำเรียนบวกกับความชอบเรื่องระบบนิเวศน์ป่าและธรรมชาติมาวางแผนในการทำแปลง โดยเน้นเรื่องป่าไม้ควบคู่กับการทำเกษตร ยึดแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยแบ่งพื้นที่ 14 ไร่ ทำเกษตรผสมผสานอย่างครบวงจร ได้แก่ ธนาคารต้นไม้ พื้นที่ปลูกผักอินทรีย์ ฟาร์มไก่ไข่อารมณ์ดี การแปรรูปสมุนไพรและพื้นที่ที่จัดสรรเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร นอกจากนี้ ยังได้นำผลผลิตจากป่ามาแปรรูปเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์ พร้อมทั้งผลิตพืชผักและสมุนไพรอินทรีย์ภายใต้แบรนด์ “WANAPHANW” (วนพรรณ) ขณะเดียวกัน ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก สามารถเลือกปลูกผลผลิตนำมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรได้ ทำน้อยได้มาก สร้างรายได้ให้ทั้งตัวเองและชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

ต่อไปนี้คือ คำสัมภาษณ์สดๆร้อนๆ หลังจากได้รับรางวัลชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2562 ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (เพื่อความครบถ้วนขอให้ผู้สนใจฟังคลิปประกอบด้วย)เขาคือผู้ชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562 เขาคือผู้ชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562

  • รู้สึกอย่างไรบ้าง ที่ได้รับรางวัล เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2562

ดีใจครับ ที่ได้รับรางวัลรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำงานมากขึ้นและทุ่มเทมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • คุณปรีชาได้นำเสนอเรื่องอะไรบ้าง ที่ทำให้ได้รับรางวัลในครั้งนี้

ผมนำเสนอมิติของการขับเคลื่อนพัฒนาบ้านเกิด คือตั้งแต่เริ่มต้นที่เรียนหนังสือ สาขาที่เกี่ยวกับการเกษตรได้วางแผนที่จะพัฒนาบ้านเกิดมาเป็น 10 ปี ไม่ใช่เพิ่งมาคิดทำในปี 2 ปีนี้

  • พื้นฐานคุณพ่อคุณแม่ทำการเกษตร….เห็นอะไรเป็นจุดอ่อน

ผมมาจากครอบครัวเกษตรกรและเรารู้ดีว่าเกษตรกรจะไม่ค่อยมีความรู้และรู้ทันกลไกการตลาด เราจึงต้องเอาตัวเองไปเรียนรู้ จนจบสาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 หลังจากนั้นได้ไปทำงานที่มูลนิธิชัยพัฒนาเพื่อไปหาประสบการณ์หาความรู้ ไปทำงานในสายงานที่คิดว่าเป็นแหล่งข้อมูล ที่ทจะทำให้เรามีความรู้นำกลับมาใช้กับงานของเรา ทำการเกษตรที่บ้านเกิด เช่น เราได้รู้เรื่องการจัดการเรื่องดิน เรื่องน้ำการเกษตร การจัดการฟาร์ม เรื่องการแปรรูป เรื่องการตลาด เราได้ทุกอย่างได้เรียนรู้การสร้างแบรนด์ เช่น ดอยคํา จากโครงการหลวง และยังทำให้เราได้ความรู้เกี่ยวกับโครงการตามพระราชดำริต่างๆ รู้ว่าเกษตรทฤษฎีใหม่คืออะไร

  • หลังจากได้ไอเดียจากโครงการหลวง ได้กลับมาวางแผนของตัวเองอย่างไร

หลังจากมีประสบการการทำงานที่มูลนิธิโครงการหลวง 8 ปี  เรามาทำของเราเองซึ่งมีพื้นที่ 14 ไร่เราได้ออกแบบสวนตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ เรามองเรื่องแหล่งน้ำ มองเรื่องการปลูกสวนป่าเพื่อให้ระบบนิเวศกลับคืนมา ไม้ยางนา ไม้ตะเคียน ฯลฯ จากนั้นค่อยใส่ละเอียดพืชอื่นๆ เข้าไปปลูกพืชที่เป็นอาหารเป็นยาเป็นสมุนไพร ตัวไหนปลูกได้ปลูกไม่ได้ ตัวไหนนำไปทำอะไรได้ นำความรู้ที่ได้จากการนำมาแปรรูปสมุนไพร ตัวไหนเป็นสมุนไพรที่เกี่ยวกับการนวดหรือเครื่องสำอาง เราก็ศึกษาและนำมาทำ โดยไปอบรมเรียนรู้จากหน่วยงานต่างๆที่เขาสอนจนเกิดองค์ความรู้ก็มาทำของตนเอง

  • ใช้เวลากี่ปีตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงทุกวันนี้ที่สร้างชื่อขึ้นมาได้

เริ่มตั้งแต่ปี 2549 เริ่มวางแผนที่จะทำเกษตรแต่ว่าเราต้องไปทำงานก่อนเพื่อเก็บประสบการณ์และกลับมาบ้านในปี 2557 ช่วงที่กลับมานั้น พ่อแม่ไม่เห็นด้วยหรอกเขาอยากให้เราทำงานมีเงินเดือน ต้องอาศัยการอธิบายว่าทำอย่างนี้เพื่อได้อย่างนี้อธิบายก่อนว่าทำไมต้องกลับมาบ้าน เราจะกลับมาทำอะไร และทำให้เขาเห็น เดิมพ่อแม่ทำนาอย่างเดียว พอเราทำสำเร็จเขาก็ยอมรับ…ตอนนี้ต้นไม้ที่ปลูกก็แปรรูปได้แล้วเขาคือผู้ชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562

  • สรุปว่าลาออกจากงานประจำมาทำเกษตรในปี 2557

ใช่ครับ ผมลาออกจากงานประจำในในปี 2557 แต่ช่วงที่ไปทำงานในปี 2549 และบรรจุงานในปี 2550 ผมก็วางแผนที่จะกลับบ้านเกิดไว้ก่อนแล้ว โดยการไปปลูกต้นไปตั้งแต่ปี 2549 และในช่วงปี 2553 ผมแบ่งเวลากลับมาบ้านจากนครนายกกลับไปขอนแก่น 500 กิโลเมตร ไปกลับก็ 1000 กิโลเมตร เดินทางหนึ่งวันเต็มๆ เพื่อที่จะกลับบ้านกลับมาสร้างในสิ่งที่เป็นความฝัน ตอนนั้นไม่มีรถที่จะไปขนต้นไม้กล้าไม้ก็ถอนใกล้ๆบ้าง และแบกขึ้นรถเมล์มาปลูกที่แปลงของเรา ตอนนี้มีต้นไม้หลักทั้งหมดประมาณ 500 ต้น เป็นต้นยางนาครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นไม้มีค่าอื่นๆ เป็นทฤษฎีใหม่แต่มีต้นไม้ยืนต้นเป็นไม้หลักและเราได้ปลูกสมุนไพรไว้ในป่า เราใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมีเลย เป็นการทำเกษตรแบบธรรมชาติก็ว่าได้ บางคนบอกว่าทำนาต้องแบกปุ๋ยหรือขี้วัวไปใส่นาข้าวแต่ของผมปุ๋ยเกิดขึ้นเอง เราออกแบบแปลงให้น้ำไหลลงมารวมกันพัดเอาใบไม้ ซึ่งก็คือปุ๋ยมาอยู่ด้วยกันมันก็หมักเป็นธรรมชาติ…

  • ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเราพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว

จริงๆ เราแปรรูปสร้างแบรนด์แล้ว เราใช้ชื่อแบรนด์ว่า “วนพรรณ” แปลว่าป่าที่มีต้นไม้หลากหลาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรมาจากป่า…มีแชมภู สบู่ โลชั่น ฯลฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรในป่ามีความหลากหลายมาก

  • การตลาดเป็นอย่างไรบ้างครับ รายได้หลักมาจากตัวไหน

รายได้ก็พออยู่ได้ค่อนข้างมั่นคง มาจากการแปรูปเป็นหลัก เรามีจำหน่ายที่ Top สาขาขอนแก่นและเรารับผลิตสมุนไพรให้กับลูกค้าอื่นด้วย เราขยายไปมาก ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน รวมทั้งอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายเข้มแข็ง ดำรงยุติธรรม ได้ชื่นชมในพัฒนาการของเราและเรามีการรวมกันในนามของยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ด้วย

  • ทำเกษตรแบบคุณปรีชามีรายได้มีความยั่งยืนอย่างไรบ้างครับ

ถ้าเรามอง เราต้องมองเราอีก 5 ปีเราทำอะไร แล้วตอนเกษียณเราจะได้อะไร คือผมว่าเป็นขั้นตอน ช่วงที่เราอายุยังไม่มาก เรายังมีแรง เราก็มีรายได้จากการทำงาน จากการขายสินค้า จากการทำแบรนด์สินค้า ขายแชมภู ขายผัก หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มองไปข้างหน้าเรี่ยวแรงเราไม่เยอะ เราสามารถปลดเกษียณตัวเองได้ โดยการมีต้นไม้เป็นมูลค่าทรัพย์สิน ต้นไม้ที่ผมปลูก 500 ต้น ถ้าตีมูลค่าต้นละ 1,000 บาท ก็ได้ 500,000 บาทแล้ว ถ้าต้นละ 10,000 บาท ก็ 5 ล้านบาทแล้ว อันนี้คือทรัพย์สินที่เราสร้างขึ้น เพราะฉะนั้นในวันที่เราอายุมากขึ้นมันก็คือเงินบำนาญ…

  • ตอนนี้คุณปรีชาเท่ากับเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่หรือคนที่มองเห็น อยากจะบอกกับคนเหล่านั้นอย่างไร

ผมมองว่าทุกอาชีพเราต้องมีความมั่นคง ไม่จำกัดว่าเป็นเกษตรกร ผมเคยให้ความรู้ทั้งพนักงานบริษัท ข้าราชการ บุคคลทั่วไปที่รับจ้าง ผมมองว่าเราอย่าไปมองเรื่องรายได้อย่างเดียว เราต้องมองเรื่องการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินด้วย อย่างที่เป็นที่ดินเราทำงานบริษัทก็ทำไป แต่ถ้าเรามีที่ดินเราก็ต้องตัดสินใจทำอะไรลงไปบ้าง ไม่ใช่รอให้เรียนจบมาทำงาน อนาคตมันไม่แน่นอน เกษียณแล้วเราจะต้องไม่เป็นภาระของสังคม ผมมองว่าที่ดินเปล่ามันก็อาจจะมีมูลค่าเกิดขึ้นตามราคาประเมินแต่ถ้าที่ดินเปล่า 1 ไร่ ปลูกต้นไม้ไว้ 100 ต้น ในเวลา 20 ปี ก็ลองคำนวณดูว่าเราจะได้เงินมาเท่าไหร่

ทุกวันนี้มีคนไปศึกษาดูงานเรื่อยๆ ผู้สนใจเข้าไปดูในเพจ Facebook วนพรรณ ออร์แกนิค การ์เด้น และเราสามารถสื่อสารได้ตลอดเวลา นัดหมายเข้ามาพูดคุยกันได้ ยินดีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับเขาคือผู้ชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562 เขาคือผู้ชนะเลิศ เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562 เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปี 2562

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated