หลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully)
หลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully)

เนสกาแฟริเริ่มหลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully) ขึ้นเพื่อสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่การปลูกกาแฟในระดับฟาร์ม ทั้งกับเกษตรกรชาวสวนกาแฟ, ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลูกกาแฟด้วยความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความยั่งยืนมาหลายทศวรรษ

ในประเทศที่มีการปลูกและผลิตกาแฟ เช่น ประเทศไทย เกษตรกรชาวสวนกาแฟต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนต่างๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาผลผลิตต่ำ ทำให้บางปีได้รับผลตอบแทนไม่เต็มที่ การจัดทำหลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” ก็ด้วยจุดมุ่งหมายในการช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง สร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์และเกิดความยั่งยืน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ครอบครัว คนทำงานในสวน และชุมชน

คุณแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ (คนซ้าย)
คุณแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ (คนซ้าย)

คุณแวลดดิสลาฟ อังดรีฟ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “จุดมุ่งหมายของหลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” ก็คือการสร้างอุปทานเมล็ดกาแฟให้มีความยั่งยืนและมีคุณภาพ (quality green coffee) พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ โดยผ่านการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมจากทีมนักวิชาการเกษตรที่มีความเชี่ยวชาญของเนสกาแฟ ที่จะเข้าไปทำงานร่วมกับเกษตรกรอย่างใกล้ชิดในการส่งต่อเมล็ดพันธุ์กาแฟคุณภาพดี และให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปลูกกาแฟเพื่อให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างเหมาะสมสำหรับการเลี้ยงชีพทั้งของตนเองและครอบครัว พร้อมทำให้การทำสวนกาแฟเป็นอาชีพที่สามารถสืบทอดไปยังลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป ควบคู่ไปกับการมีมาตรการในการรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในช่วงการปลูกตลอดจนถึงกระบวนการผลิต”

หลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully)ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” มีวัตถุประสงค์ในการสร้างหลักประกันให้กับอนาคตของกาแฟคุณภาพที่ส่งถึงผู้บริโภคได้ทั้งในวันนี้และต่อไปในอนาคต โดยประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน อันได้แก่การตระหนักถึงคุณค่าของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ การสร้างคุณค่าให้ชุมชน และการรักษาคุณค่าของสิ่งแวดล้อม” คุณแวลดดิสลาฟกล่าวเสริม

  • การตระหนักถึงคุณค่าของเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ – คือการสื่อสาร พบปะ พูดคุย สอบถาม ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเกษตรกรชาวสวนกาแฟ เพื่อช่วยปรับปรุงการทำสวนปลูกกาแฟ และคุณภาพของกาแฟ เพื่อให้เกิดการทำสวนกาแฟที่ได้ผลดีที่สุด
  • การสร้างคุณค่าให้ชุมชน – จัดทำหลากหลายกิจกรรมเพื่อช่วยทำให้ชุมชนชาวสวนกาแฟมีความเข้มแข็ง จะได้ร่วมกันปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเกษตรกรทุกคนในชุมชนให้ดีขึ้น
  • การรักษาคุณค่าของสิ่งแวดล้อม – ผลักดันให้เกิดการทำการเกษตรควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเพาะปลูกและผลิตกาแฟ ตั้งแต่การดูแลรักษาน้ำ ความสมบูรณ์ของดิน และโรงงานผลิตที่ปราศจากของเสียที่เหลือทิ้งสู่สิ่งแวดล้อม
Grown Respectfully
Grown Respectfully

หลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการทำสวนกาแฟ (4C) (Common Code for Coffee Community)

เนสกาแฟส่งเสริมการทำสวนกาแฟที่ยั่งยืนด้วยการนำหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการทำสวนกาแฟ (4C) มาแนะนำให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟไทยได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อการสร้างมาตรฐานความยั่งยืนในการปลูกสวนกาแฟ ประกอบด้วยข้อห้าม 10 ข้อ (เช่น การใช้แรงงานเด็ก การบังคับใช้แรงงานที่ไม่เต็มใจ การตัดไม้ทำลายป่า การใช้ยากำจัดศัตรูพืชที่ถูกห้ามใช้) และหลักการควรปฏิบัติ 27 ข้อที่ครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟต้องมีการพัฒนา ปรับปรุงตามหลักจริยธรรมนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ

การนำหลัก 4C มาใช้นั้นสอดคล้องกับหลักการผลิตกาแฟสากล เรามุ่งหวังที่จะใช้หลักการนี้ในการช่วยยกระดับมาตรฐานเกษตรกรชาวสวนกาแฟไทยให้มีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการผลิตให้มีมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ โดยมีนักวิชาการเกษตารของเนสกาแฟเป็นผู้ช่วยให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ ตั้งแต่การระบุขอบเขตของปัญหา การตั้งเป้าหมายวางแผนพัฒนา ติดตาม ประเมินผล จนกระทั่งเกษตรกรได้ผลสำเร็จตามที่ตั้งไว้

หลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully)หลักปฏิบัติตามแนวทาง “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” ในประเทศไทย

เนสกาแฟได้ริเริ่มการดำเนินการ “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” ในประเทศไทย ด้วยการให้คุณค่าต่อ 3 ด้านที่สำคัญคือ เกษตรกรชาวสวนกาแฟ ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เราตระหนักถึงความสำคัญที่ต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ทั้งในเรื่องการแบ่งปันข้อมูลความรู้ การอบรมให้มีการทำสวนกาแฟอย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มผลผลิต และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวสวนกาแฟ ชุมชน และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย

ปัจจุบันโครงการนี้ได้ดำเนินการครอบคลุมในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ปลูกกาแฟเป็นหลักของไทย คือ ชุมพร ระนอง         สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจันทบุรี โดยเนสกาแฟทำงานด้านวิจัยและปรับปรุงพันธุ์กาแฟโรบัสต้าร่วมกับกรมวิชาการเกษตรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ปัจจุบันสามารถกระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีออกสู่เกษตรกรไปแล้วกว่า 1.6 ล้านต้น

Grown Respectfully
Grown Respectfully

นอกจากเนสกาแฟจะเป็นผู้รับซื้อเมล็ดกาแฟรายใหญ่ที่สุดของไทยแล้ว เรายังจัดตั้งศูนย์รับซื้อเมล็ดกาแฟโดยตรงจากเกษตรกร 4 แห่งคือที่อำเภอสวีและอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และที่อำเภอกระบุรีและกะเปอร์ จังหวัดระนอง เพื่อลดขั้นตอนด้านซัพพลายเชน หลังจากฤดูการเก็บเกี่ยวจบลงทีมนักวิชาการเกษตรจะประเมินผลและติดตามการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

หลักปฏิบัตินี้ไม่มีข้อจำกัดเจาะจงหรือผูกมัดเกษตรกรชาวสวนกาแฟที่ต้องการเข้าร่วม เพียงแค่ผู้ปลูกกาแฟต้องมีความตั้งใจที่จะนำหลักปฎิบัตินี้ไปใช้จริง รวมถึงหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการทำสวนกาแฟ (4C) ด้วย และเกษตรกรชาวสวนกาแฟผู้เข้าร่วมโครงการก็ไม่จำเป็นต้องทำสัญญาผูกขาดเพื่อขายเมล็ดกาแฟให้กับเนสกาแฟเท่านั้น ปัจจุบันมีเกษตรกรชาวสวนกาแฟที่เข้าร่วมโครงการซี่งได้รับการรับรองการปฎิบัติตามหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานในการทำสวนกาแฟ (4C) แล้วจำนวนกว่า 2,700 คน

นักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟ และเกษตรกรชาวสวนกาแฟ Grown Respectfully 19
นักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟ และเกษตรกรชาวสวนกาแฟ Grown Respectfully 19

ทูตชาวสวนเนสกาแฟ (NESCAFÉ Coffee Ambassador)

ทูตชาวสวนเนสกาแฟเป็นเกษตรกรชาวสวนกาแฟที่มีความเชี่ยวชาญและประสบผลสำเร็จจากการทำสวนกาแฟ จะเป็นผู้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ แบ่งปันข้อมูลความรู้ให้กับเกษตรกรชาวสวนกาแฟรายอื่นๆ ต่อไป ให้ปลูกกาแฟแบบยั่งยืน และเรายังคงเดินหน้าส่งเสริมให้ทูตชาวสวนเนสกาแฟได้มีโอกาสเรียนรู้ พัฒนาทักษะการปลูกกาแฟอย่างต่อเนื่อง เช่น การเชิญทูตชาวสวนเนสกาแฟไปดูงานการปลูกสวนกาแฟที่ประเทศเวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่ประสบผลสำเร็จ สามารถปลูกกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศรายใหญ่ของโลก

นักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟให้คำแนะนำเกษตรกรชาวสวนกาแฟ Grown Respectfull 10
นักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟให้คำแนะนำเกษตรกรชาวสวนกาแฟ Grown Respectfull 

ยวชนชาวสวนกาแฟ Junior Coffee Farmer Program

การต่อยอดไปสู่การจัดทำโครงการ “Junior Coffee Farmer Program” เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการปลูกกาแฟให้กับลูกหลานในชุมชนเกษตรกรชาวสวนกาแฟด้วยกิจกรรมที่เด็กๆ จะเรียนรู้ได้อย่างสนุก เข้าใจง่าย และได้ลงมือปฎิบัติจริง โดยในปี 2561 ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีความพิเศษเพิ่มเติมคือ การสอนการปลูกแปลงแม่พันธุ์กาแฟที่เนสกาแฟได้วิจัยและพัฒนามาแล้วว่าเหมาะกับการปลูกในเมืองไทย ให้ผลผลิตที่ดีกว่าพันธุ์เดิม เด็กๆ จะได้ซึมซับและผูกพันกับการปลูกกาแฟ เห็นคุณค่าของอาชีพชาวสวนกาแฟว่าสามารถสร้างรายได้มั่นคงให้ตนเองได้ในอนาคต

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated