เรื่อง/ภาพ : เบียร์ เกษตรก้าวไกล
เริ่มกันแล้ว สำหรับชาวไร่อ้อยในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ออกมาปรับวิธีการทำไร่อ้อยให้สอดรับกับนโยบายเกษตรแปลงใหญ่ หวังให้มีอำนาจการต่อรองด้านราคาและอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งต้องปรับตัวและปรับวิธีคิดให้มีความมั่นคงทางรายได้
![แปลงใหญ่อ้อยประชารัฐ ต.เค็งใหญ่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/8-1-500x304.jpg)
วันนี้ “เกษตรก้าวไกล” ได้เดินทางไปถึงแดนอีสาน เพื่อพาไปดูแปลงใหญ่อ้อยประชารัฐ ที่จังหวัดอำนาจเจริญ แปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ (อ้อยโรงงาน) โดยหัวใจของแปลงใหญ่ประชารัฐเกษตรสมัยใหม่ ก็คือการดำเนินการร่วมกันระหว่างเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน ในการพัฒนารายได้สินค้าเกษตร สร้างรายได้เร็ว เชื่อมโยงตลาด เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการให้แก่เกษตรกรรายย่อย คาดหวังให้สามารถดูแลตัวเองได้อย่างยั่งยืน
ก่อนอื่นต้องบอกว่า แปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ (อ้อยโรงงาน) จังหวัดอำนาจเจริญ มีพื้นที่รวม 7,323 ไร่ รวม 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอเสนางนิคม อำเภอหัวตะพาน มีเกษตรกรสมาชิก 534 ราย สินค้าอ้อยและพันธุ์อ้อย มีผลผลิตรวม 8,678 ตัน
![นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ระหว่างลงพื้นที่อ้อยประชารัฐจ.อำนาจเจริญ](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/6-2-500x334.jpg)
นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวระหว่างลงพื้นที่อ้อยประชารัฐ จ.อำนาจเจริญว่า หนึ่งในพืชเศรษฐกิจหลักที่เกษตรกรสามารถลดพื้นที่ปลูกข้าวคืออ้อย มีราคารับซื้อที่แน่นอน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามผลักดันแปลงใหญ่ประชารัฐ เพราะมีเอกชนดูตลาด รัฐให้ความรู้โดยศูนย์ ศพก. 882 ศูนย์ทั่วประเทศจะเป็นเสาหลักแนะนำเกษตรกร
เมื่อพูดถึงลักษณะของเกษตรแปลงใหญ่อ้อย หลายคนคงคิดถึงไร่อ้อยโรงงานที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ผืนเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว เกษตรแปลงใหญ่คือการรวมกลุ่มของเกษตรกรในหลายๆพื้นที่เข้าด้วยกัน อย่างเช่น ที่ตำบลกุดปลาดุก อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ที่มีการรวมกลุ่ม เกษตรกร 10 ราย เนื้อที่รวมกัน จำนวน 121 ไร่
![คุณชาญชัย สุภิวงศ์ เกษตรกรเข้าร่วมอ้อยประชารัฐ](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/1-13-500x334.jpg)
คุณชาญชัย สุภิวงศ์ เกษตรกรเข้าร่วมอ้อยประชารัฐ จำนวน 36 ไร่ ต.กุดปลาดุก อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ได้บอกกับทีมเกษตรก้าวไกลว่า “เริ่มปรับพื้นที่นาที่ไม่เหมาะสมมาปลูกอ้อย เข้าร่วมโครงการเกษตรสมัยใหม่ นำรูปแบบเทคโนโลยี มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม มาปรับใช้ เพิ่มผลผลิตได้ร้อยละ 25 จากผลผลิตเดิม 12 ตัน/ไร่ เพิ่มเป็น 15 ตัน/ไร่ ”
คุณชาญชัยยังบอกอีกว่า ทางมิตรผลได้เข้ามาประกันราคาตลาดที่แน่นอน ตามราคาอ้อยโรงงาน 1,050 บาท/ไร่ และอ้อยพันธุ์ 1,200 บาท/ตัน และค่า C.C.S. ความหวานเกิน 10 ราคาเพิ่ม C.C.S.ละ 63 บาท เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็ทำให้กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่สบายใจขึ้น
![คุณสง่า ปานะพรม เกษตรกรเข้าร่วมอ้อยประชารัฐ](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/7-1-500x282.jpg)
เดินทางกันต่อปลายทางคือ แปลงใหญ่อ้อยประชารัฐ ต.เค็งใหญ่ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ที่มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนามาปลูกอ้อย จำนวน 144 ไร่ เกษตรกร 14 ราย โดยมี คุณสง่า ปานะพรม เกษตรกรเข้าร่วมอ้อยประชารัฐ นำร่องปีนี้เป็นปีแรกในพื้นที่จำนวน 43 ไร่
“ใช้การบริหารจัดการแปลงแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม ทางมิตรผลส่งคนมาคอยให้คำปรึกษา ทั้งสำรองออกค่าปุ๋ยทุกอย่างให้ก่อน ถือว่าไปได้ดี เพราะทำสัญญากับบริษัทมิตรผล เขาจะรับซื้อผลผลิตทั้งหมด ทำให้หมดห่วงเรื่องราคา มีความหวังว่าผลผลิตจะดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะทำเป็นปีแรก”
![นายไพฑูรย์ ประภาถะโร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอ้อย บริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/3-1-500x334.jpg)
นายไพฑูรย์ ประภาถะโร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานอ้อย บริษัท น้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ จำกัด และผู้จัดการ เกษตรสมัยใหม่อ้อยประชารัฐ ได้พูดถึงศักยภาพพื้นที่ปรับเปลี่ยนนาข้าว จึงสนับสนุนเกษตรสมัยใหม่แปลงใหญ่อ้อย จ.อำนาจเจริญ เน้นนวัตกรรมวิจัยรวมกลุ่มผลิตในพื้นที่เหมาะสมเชิงเศรษฐกิจ เริ่มต้นใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.เสนางคนิคม และ อ.หัวตะพาน
“ผลผลิตอ้อยทั้งหมดโรงงานจะรับซื้อและดูเรื่องการตลาดให้กับเกษตรกร พร้อมเงินช่วยเหลือค่าปรับล้มคันนา ใช้นวัตกรรมการทำไร่อ้อยสมัยใหม่แบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์มมาปรับใช้ ด้วยทฤษฎี 4 เสาหลัก ปลูกพืชบำรุงดิน ลดการไถพรวน ควบคุมแนววิ่งของรถ และลดการเผาใบอ้อยโดยใช้รถตัด ลดต้นทุน 25%”
![นายสำราญ สาราบรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สาธิตการไถกลบปอเทือง เพื่อเตรียมปลูกอ้อย](http://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2017/07/5-3-500x281.jpg)
นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของแปลงใหญ่อ้อยประชารัฐ หากจะให้ยั่งยืนต้องเกิดจากความพร้อมใจกันของเกษตรกร และชุมชนต้องเข้มแข็ง มีความโปร่งใสในการจัดการ ต้องทำให้สำเร็จเพื่อเป็นตัวอย่างจริง จึงจะโน้มน้าวให้เกิดกลุ่มแปลงใหญ่อ้อยที่ยั่งยืนได้