โรคและแมลงลองกองมาแล้ว...ราดำ หนอนกินใต้ผิวเปลือก หยุดมันให้ได้
วิธีป้องกันโรคและแมลงศัตรูสวนลองกอง

ในช่วงนี้จะมีฝนตกชุก อากาศร้อน และมีลมพัดแรง กรมวิชาการเกษตร แนะชาวสวนลองกองเฝ้าระวังการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช คือโรคราดำ และหนอนกินใต้ผิวเปลือก จะพบในระยะที่ลองกองผลอ่อนถึงผลแก่ เกษตรกรควรหมั่นสังเกตโรคราดำ มักพบคราบราสีดำติดตามช่อดอก ช่อผล ทำให้ดอกผิดปกติ เหี่ยว และหลุดร่วง จนทำให้ไม่ติดผล ถ้าเป็นโรคในระยะผลอ่อน ผลจะเหี่ยวและหลุดร่วง มักพบในช่วงที่มีการระบาดของแมลงปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยหอยและเพลี้ยแป้ง

หากพบโรคให้เกษตรกรพ่นน้ำเปล่าล้างคราบราดำเพื่อลดปริมาณเชื้อ และพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เบโนมิล 50% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 6-12 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นบนช่อผลช่วงก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตทุก 14 วัน ด้วยเชื้อราจะเจริญบนสารเหนียวที่แมลงปากดูดขับถ่ายไว้ คือ เพลี้ยหอยและเพลี้ยแป้ง กรณีพบเพลี้ยหอยให้พ่นสารกำจัดแมลงมาลาไทออน 83% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หากพบเพลี้ยแป้งให้พ่นสารกำจัดแมลงไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคาร์โบซัลแฟน 20% อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารไทอะมีทอกแซม 25% ดับเบิ้ลยูจี อัตรา 4 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร อีกทั้งไม่ควรพ่นสารในช่วงที่ดอกลองกองบานหรือเริ่มติดผลอ่อน และควรหยุดพ่นอย่างน้อย 7 วันก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิต

ในส่วนของหนอนกินใต้ผิวเปลือก จะพบหนอนกัดกินอยู่ใต้ผิวเปลือกลึก 2-8 มิลลิเมตร ตามกิ่งและลำต้น ทำให้ต้นเป็นปุ่มปม หากระบาดมากจะทำให้กิ่งแห้งและตาย ถ้าหนอนกัดกินตาดอกจะทำให้ผลผลิตลดลง เกษตรกรควรใช้ไส้เดือนฝอย (Steinernema carpocapsae) อัตรา 50 ล้านตัว (1 กระป๋อง) ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 15 วัน (1 ต้นใช้น้ำ 5 ลิตร) ในกรณีที่มีอากาศแห้งแล้ง ควรพ่นน้ำเปล่าให้ความชุ่มชื้นก่อนพ่นไส้เดือนฝอย และใช้สารคาร์โบซัลแฟน 20% อีซี อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอร์ไพริฟอส 40% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้โชกบนลำต้นและกิ่งก้านที่มีรอยทำลายของหนอนกินใต้ผิวเปลือก

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated