(วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568) สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) ร่วมกับ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) สมาพันธ์สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (สฌท.) ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย (ชสอค.) และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย (ชสค.) ร่วมจัดสัมมนา : รวมพลังเครือข่ายสหกรณ์และสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ : ก้าวสู่ความยั่งยืนด้วยหลักคิด WIN : WIN จาก 3 กระทรวงหลัก 4 องค์กรขับเคลื่อน อีก 109 เครือข่ายสนับสนุน ณ ห้องไดมอนด์ ฮอลล์ ชั้น 5โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ท อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด และนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์ฯ กล่าวรายงาน

ทั้งนี้ภายในการสัมมนา มีการนำเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางที่ต้องการของ5 องค์กร ประกอบด้วย 1.) นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ประธานฯ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย (สสท.) กล่าวว่า ขบวนการสหกรณ์ทั้งประเทศมีสมาชิกรวมกว่า 11.86 ล้านคน และสินทรัพย์รวมกว่า 4.1 ล้านล้านบาท การจัดสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อร่วมกันนำเสนอประเด็นปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อรัฐบาล เพื่อแก้ไขอุปสรรคข้อขัดข้องที่มีต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ทั้งระบบ และวิกฤตหนี้สินของสมาชิกโดยนำเสนอประเด็นปัญหาทางกฎหมาย

อาทิ การจำกัดเขตพื้นที่ดำเนินงาน (กฎกระทรวงฯ กำหนดลักษณะ วัตถุประสงค์ และขอบเขตแห่งการดำเนินกิจการของสหกรณ์แต่ละประเภทที่จะรับจดทะเบียน พ.ศ. 2567) /การบังคับให้ผู้จัดการสหกรณ์พ้นจากตำแหน่ง (ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ว่าด้วยการกำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการพ้นจากตำแหน่งฯ ปี 2565) /การเงินและการลงทุนของสหกรณ์(กฎกระทรวงว่าด้วยการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนพ.ศ.2567)/วิกฤตหนี้สินครูและแนวทางการแก้ไขปัญหา ว่าด้วย ระเบียบการหักเงินเดือน 30 % การแก้ไขปัญหาหนี้บำเหน็จค้ำประกัน และโครงการกองทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และเรื่องการจัดสวัสดิการฌาปนกิจสงเคราะห์ ขอให้ แก้ไขประกาศกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ผลักดันพระราชบัญญัติฌาปนกิจสงเคราะห์เร่งรัดการออกกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อความชัดเจนและเป็นสากลในการบริหารงาน และการตีความการับฝากเงินให้สามารถฝากเงินกับสหกรณ์หรือชุมนุมสหกรณ์ได้เพื่อบริหารเงินกองทุนให้งอกเงย

2.)ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย (ชสอ.) ประเด็นปัญหาการแก้ไขกฎกระทรวง/ระเบียบ และคำสั่งนายทะเบียน โดยนำเสนอ แนวทางแก้ไขปัญหาเร่งด่วนประกอบด้วยเรื่อง ขนาดสหกรณ์ ต้องได้รับการแก้ไข,สัดส่วนการลงทุน, ระเบียบนายทะเบียนสหกรณ์ ยกเลิกเรื่องวาระผู้จัดการสหกรณ์ วาระกรรมการ (มาตรา 50) ต้องได้รับการแก้ไข

3.) นายสมพล ตันติสันติสม ประธานสมาพันธ์สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์แห่งประเทศไทย (สฌท.) นำเสนอแนวทาง แก้ไข ประกาศฯ เรื่อง วิธีการจ่ายเงินค่าจัดการศพ หรือค่าจัดการศพและสงเคราะห์ใช้จ่าย, การเก็บรักษาเงินของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. ตามร่างที่เสนอ / ควรปรับอัตราศพ ตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินค่าสมัคร เงินค่าบำรุง และเงินสงเคราะห์พ.ศ. 2547 จากเดิมเพิ่มแต่ละระดับตามร่าง/ เสนอให้กระทรวงฯ ออกหนังสือแจ้งให้ทางสมาคมสามารถแจ้งสมาชิกได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติงาน 4 .)นายอุทัย ศรีเทพ ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย (ชสอค.) นำเสนอประเด็นการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูไทยที่เกิดจากระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการหักเงินเดือนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ส่งผลต่อการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีผลกระทบไปถึงสมาชิก รวมไปถึงหนี้บำเหน็จค้ำประกันทำให้สมาชิกสหกรณ์สร้างหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ เป็นศูนย์กลางหาวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือให้ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครูไทย จำกัด เป็นศูนย์กลางในการกระจายเงินลงไปยังสหกรณ์ออมทรัพย์ครู นอกจากนี้ต้องสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีวินัยทางด้านการเงิน และการออมเพื่อความสุขของชีวิตการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู จึงจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน 5.) นายธิบดี ศรีสมบัติ ประธานฯ ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย (ชสค.) กล่าวถึง ผลกระทบจากกฎกระทรวงเรื่อง การจำกัดเขตพื้นที่ดำเนินงานที่กำหนดให้สหกรณ์ประเภทเครดิตยูเนี่ยนเฉพาะในอำเภอเดียวกัน เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเลือกใช้บริการสหกรณ์ที่มีประสิทธิภาพก่อให้เกิดการผูกขาดในเขตพื้นที่ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการ/ กฎกระทรวงข้อ 30, ข้อ 31 ส่งผลต่อการจัดหาปัจจัยการผลิตและสินค้ามาจำหน่ายแก่สมาชิก

ภายหลังการนำเสนอปัญหาแนวทางแก้ไข ได้มีการยื่นเอกสารรวมถึงรับฟังนโยบายจาก 3 กระทรวงหลัก จาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ เพื่อหารือและหาทางออกร่วมกันซึ่งจากการนำเสนอของทุกหน่วยและภาครัฐได้ข้อสรุปว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากระบบสหกรณ์ล้มเหลว แต่เกิดจาก กับดักกฎระเบียบ (Regulatory Trap) ที่ไม่ยืดหยุ่น และการขาดสภาพคล่องในกลุ่มเปราะบางบางกลุ่ม การแก้ไขตามข้อเสนอข้างต้น โดยเฉพาะการปลดล็อคข้อจำกัดการลงทุนและการแก้หนี้สินครู จะช่วยให้ระบบสหกรณ์ทำหน้าที่เป็น “ตาข่ายรองรับทางสังคม (Social Safety Net) ให้กับประชาชนฐานรากได้อย่างแท้จริง













































