เรื่อง/ภาพ : ธนสิทธิ์ เกษตรก้าวไกล

เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ในศาลาข้างศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร : ข้าว (ศพก.) ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  กำลังเดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อสีข้าวเปลือกจากแปลงนา จำนวน 50 ไร่ ของ พุฒิพงษ์ นันโท เลขที่ 6/2 หมู่ 3 ตำบลโรงช้าง โทร.09-2653-9170 ชาวนาหัวก้าวหน้า  และดำรงตำแหน่งเป็นประธานศพก. แห่งนี้

“ข้าวที่ผมปลูกและนำมาสีขายนี้ เป็นพันธุ์ กข 43 คุณสมบัติเด่นคือ มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้รักษ์สุขภาพเป็นอย่างมาก”

ด้วยมุมมองที่เน้นการพัฒนาในรูปแบบของ Smart Farmer เน้นการตลาดนำการผลิต จึงทำให้ชาวนาผู้นี้เลือกที่จะสร้างจุดเด่นให้กับผลผลิตของต้นเองด้วยการปลูกข้าวที่มีจุดเด่น และตรงกับความต้องการของตลาด

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” สโลแกนเรียกลูกค้า-โลกต้องจำ ของพุฒิพงษ์ นันโท ศพก. มหาราช“ตอนนี้สมาชิกของ ศพก. ตำบลโรงช้าง สามารถผลิตข้าวรวมกันได้เดือนหนึ่ง ประมาณ 10 กว่าตัน หมดครับ ไม่พอขายด้วย ลูกค้าจะมีทั้งในพื้นที่อยุธยาอ่างทอง โรงพยาบาลต่าง ๆที่จะซื้อไปให้คนไข้กิน” ชาวนาที่ชื่อพุฒิพงษ์ ตอกย้ำถึงผลสำเร็จด้านการตลาด

สำหรับชายผู้นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งคนไทยหัวใจเกษตรที่มีความรัก อยากทำ และอยากพัฒนาอาชีพการทำนาของบรรพบุรุษมาอย่างต่อเนื่อง

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” สโลแกนเรียกลูกค้า-โลกต้องจำ ของพุฒิพงษ์ นันโท ศพก. มหาราช“ผมนั้นเรียนจบพละศึกษา และได้ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯมาพักหนึ่ง จริงๆแล้วผมชอบทำนา อยากพัฒนาอาชีพของพ่อแม่ให้ดีกว่าเดิมมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่พ่ออยากให้เรียนหนังสืออยากให้ไปทำงานบริษัท ผมก็ต้องทำตามความต้องการ แต่เมื่อไปอยู่กรุงเทพฯแล้ว ผมรู้สึกว่า ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ จึงตัดสินใจลาออกจากงานกลับมาบ้านเกิดที่ตำบลโรงชข้างแห่งนี้มาทำนาครับ”

“ตอนมาเริ่มต้นผมก็ทำนาเหมือนกับชาวนาคนอื่น ๆเขาทำ ฉีดยาใส่ปุ๋ยเหมือนทุกคน ปรากฏว่า เจ๊งครับ ผมกู้เงินธกส.มาจนไม่สามารถกู้ได้อีกแล้ว เพราะกู้เกินจำนวนสิทธิ์พึ่งมีตามระเบียบ คราดนี้เลยมาคิดว่าจะทำอย่างไร พอดีช่วงนั้นได้รับการแต่งตั้งจากผู้ใหญ่บ้านที่ผมอยู่ ให้เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และส่งไปอบรมเป็นหมอดินตามโครงการของสำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คุ้มครับผมได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำนาแบบไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี เน้นการทำปุ๋ยหมักเอง เน้นปรับปรุงบำรุงดิน จึงเอากลับมาพัฒนาการทำนาของผม”

“พอเปลี่ยนจากเดิมที่ต้องซื้อปุ๋ยซื้อยามาเป็นไม่ซื้อ ใช้วิธีการทำปุ๋ยเอง ทำสารหมักฆ่าแมลง ฉีดพ่นเอง จากเดิมที่เคยทำนาแล้วไม่มีตังค์เหลือมีแต่หนี้ กลายเป็นว่า หักทุกอย่างที่เป็นต้นทนแล้ว ผมมีเงินเหลืออีก 2,000 บาท จึงทำให้เกิดกำลังใจ ลุยปลูกข้าวแบบไม่ใช้สารเคมีมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้” ประธานพุฒิพงษ์ กล่าว

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” สโลแกนเรียกลูกค้า-โลกต้องจำ ของพุฒิพงษ์ นันโท ศพก. มหาราชสโลแกน เรียกลูกค้า “ข้าวมีคุณ กินมีสุข”

การจะก้าวมาสู่การทำนาแบบไม่ง้อพ่อค้าคนกลาง กลายเป็นผู้ผลิตเองขายเองตั้งแต่ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง แบบเข้าใจการผลิต เข้าใจตลาดได้เช่นในวันนี้ เขาต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ และแก้ไข ปรับปรุงดัดแปลงมาเป็นเวลานานกว่าสิบปี

ประธานฯพุฒิพงษ์ ชูจุดขายหลัก ๆ คือ ด้านการผลิต เราเน้นการผลิตข้าวที่ปลอดภัยจากสารพิษ เน้นการใช้สารพันธ์ดีที่ตลาดสุขภาพต้องการ และสีขายเองโดยตรงโดยผ่านออนไลน์ ส่งมอบสิ่งดีๆให้กับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าด้วยซื่อสัตย์ทั้งผลผลิตและราคา

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” คือแนวคิดที่ประธานพุฒิพงษ์ สื่อไปยังผู้บริโภค เพื่อชักชวนกระตุ้นความสนใจในการเลือกซื้อข้าวสารไปบริโภค โดยมองถึงคุณค่ามากกว่าราคา

“การกินข้าวที่ปลูกในลักษณะของเกษตรปลอดภัยนั้น เมื่อลองแล้วจะรู้ถึงความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด อย่างข้าวปลอดภัยของทุ่งมหาราชที่เราทำกันนี้ เมื่อกินแล้วจะได้รสสัมผัสถึงรสความเป็นข้าว โดยเฉพาะกลิ่นนมข้าวขึ้นจมูก หอมและอร่อย ซึ่งแตกต่างจากข้าวจากแปลงที่ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีต่าง ๆ เมื่อกินแล้วจะมีกลิ่นสาปของสารเคมีต่างๆติดมา”

“ผมขอชักชวนทุกคนให้หันมากินข้าวเป็นยา มารักษ์สุขภาพด้วยการเลือกข้าวปลาอาหารดี ๆมีคุณค่ารับประทาน ทุกวันนี้จะเห็นได้ชัดเลยว่า คนไทยมีอาการเจ็บป่วยกันมากขึ้น โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ การกินข้าวที่ไม่ปลอดภัยมีสารพิษ ดังนั้นจึงต้องปรับเปลี่ยนมาสู่การกินข้าวปลาอาหารที่ปลอดภัย”

ส่วนสนนราคาจำหน่าย ประธานพุฒิพงษ์บอกว่า จะเน้นการจำหน่ายในราคาถูก เพียงกิโลกรัมละ 30 บาท ในขณะที่ราคาโดยทั่วไปสำหรับข้าว กข 43 จะอยู่ที่ 50 บาทต่อกิโลกรัม

“สาเหตุที่จำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 30 บาทได้นั้น เป็นเพราะผมมีต้นทุนการสีข้าวที่ถูก เพราะนอกจากเรื่องการไม่มีต้นทุนค่าปุ๋ยค่าสารเคมีต่าง ๆ แล้ว การใช้เครื่องสีข้าวขนาดเล็กแบบผมใช้ทุกวันนี้นั้นมีข้อดี คือ ทำให้ได้เมล็ดข้าวเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 50 จากการนำข้าวไปสีที่โรงสี เมื่อได้ข้าวมากขึ้น ผลตอบแทนก็มากขึ้นด้วย และที่สำคัญอีกประการคือ ความตั้งใจของผมที่ต้องการของชาวบ้านในพื้นที่ได้บริโภคข้าวดีๆในราคาที่ถูก เพราะหากไปขายที่กิโลกรัมละ 50 บาทแล้ว ชาวบ้านรอบๆนี้เขาไม่มีกำลังซื้อ แต่ถ้าราคา 30 บาท ทุกคน คนเจ็บ คนป่วย คนไข้ สามารถซื้อไปกินได้ ซึ่งผมก็อยู่ได้มีกำไรแบบที่ผมพอใจ”

สำหรับสิ่งที่ประธาน ศพก. ตำบลโรงช้างผู้นี้ได้ใช้เป็นหลักในการบริหารจัดการการผลิต และการตลาด หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่นำมาสู่ความสำเร็จคือ การได้รับสนับสนุนองค์ความรู้ ทั้งด้านเทคโนโลยี และแนวทางปฏิบัติรวมถึงแนวคิดจากกรมส่งเสริมการเกษตร ภายใต้โครงการศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร:ข้าว (ศพก.) ที่เน้นให้ชาวนาทั่วประเทศได้ปรับเปลี่ยนพัฒนารูปแบบการประกอบอาชีพใหม่ในแนวทางการการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการตลาด หรือง่ายๆ คือ ปลูกเป็น ขายเป็น

จากหลักสูตรการบ่มเพาะ จากการปรับองค์ความรู้มาสร้างเป็นแนวคิด และแนวทางของตนเอง จึงนำมาซึ่งความสำเร็จ กลายเป็นชาวนาต้นแบบของทุ่งมหาราช และเป็นปราชญ์เกษตรอินทรีย์แห่งกรุงศรีอยุธยา

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” สโลแกนเรียกลูกค้า-โลกต้องจำ ของพุฒิพงษ์ นันโท ศพก. มหาราชชาวนากว่าครึ่ง หันมาทำข้าวปลอดภัย..

แต่ที่มากกว่านั้น คือ องค์ความรู้ต่างๆที่เป็นกุญแจไปสู่ชีวิตใหม่ ภายใต้เกษตรยุค 4.0 คือ การเผยแพร่ กระจายแนวคิดวิธีปฏิบัติออกไปสู่เพื่อนชาวนาทั้งในพื้นที่ และผู้สนใจที่เดินทางจากแดนไกลมาศึกษาดูงาน

“ศพก. ตำบลโรงช้างของเราเป็น ศพก.ด้านข้าวโดยตรง เปิดกว้างให้ทุกคนมาเรียนรู้ โดยผู้ที่มาเรียนรู้จะได้รับฟังเรื่องราว และการปฏิบัติต่าง ๆเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำนา จากที่เคยต้องใช้สารเคมีมากๆ ให้กลายเป็นมา นาข้าวที่ปลอดภัยจากสารเคมี” ประธานพุฒพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ นางสิริมา เต่าคำ เจ้าหน้าที่เกษตรตำบล สำนักงานเกษตรอำเภอมหาราช รับผิดชอบพื้นที่ตำบลโรงช้าง กล่าวถึงบทบาท ศพก.แห่งนี้ว่า ศพก.จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอำเภอมหาราช ของกรมส่งเสริมการเกษตร รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นศูนย์ฯที่ทุกคนมาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อให้เกิดการพัฒนา ไม่ว่าการประชุมกลุ่ม หรือ การประชุมคณะกรรมการของอำเภอ อีกทั้งยังจะมีการอบรมห้ความรู้เกี่ยวด้านการเกษตรต่างๆ อีกมากมาย

ที่น่าสนใจอีกประการของ ศพก. แห่งนี้คือ การจัดทำจุดสาธิตการปลูกข้าว พันธุ์ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวโบราณที่เดิมมีอยู่มากในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นข้าวขึ้นน้ำที่มีความยาวของลำต้นไม่ต่ำกว่า 3 เมตร

“ทางศพก.ได้ไปขอรับการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์มาจากกรมการข้าว และนำมาขยายพันธุ์ปลูกเพื่อเพิ่มจำนวน ตอนนี้มีต้นอยู่ประมาณ 300 ต้น คาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 1 ถัง เพื่อไว้ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก จากนั้นจะนำไปขยายปลูกเพิ่มในพื้นที่ 1 ไร่ เมื่อมีแปลงนาพันธุ์ข้าวปิ่นแก้วแล้ว คราวนี้จะขยายออกไปอีกมหาศาล และต่อไปจะกลายเป็นข้าวพันธุ์ดีอีกสายพันธุ์หนึ่งของอำเภอมหาราช ” ประธานพุฒิพงษ์กล่าว

จากการทุ่มเทแรงกายแรงใจ และการสนับสนุนของสำนักงานเกษตรอำเภอมหาราช จึงทำให้ในวันนี้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจนกับแนวทางการทำนาของคนในทุ่งมหาราช

“ข้าวมีคุณ กินมีสุข” สโลแกนเรียกลูกค้า-โลกต้องจำ ของพุฒิพงษ์ นันโท ศพก. มหาราช“ตอนนี้ชาวนาในตำบลโรงช้างของทุ่งมหาราชนี้ เกิดการปรับเปลี่ยนไปแล้วไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 50 ทุกคนสามารถปลูกและกินข้าวของตนเองได้อย่างหน้าชื่นตาบาน เพราะเป็นข้าวปลอดภัยแถมอร่อย”

ประธาน ศพก. ตำบลโรงช้างกล่าวต่อไปว่า การที่จะปรับเปลี่ยนมาสู่การทำนาหรือการเกษตรอื่นๆ ที่ปลอดภัยจากสารพิษนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงให้เริ่มต้นจากตัวของเราเองก่อน

“เริ่มจากการปลูกเพื่อกินเองในครอบครัวก่อน ทำไม่ต้องเยอะแบ่งพื้นที่นาออกมาสัก 1 – 2 ไร่ก็เพียงพอแล้ว ลองทำเพื่อกินให้ได้ก่อน เพื่อขายนั้นเอาไว้ทีหลัง และการเริ่มต้นนั้นยังไม่ต้องไปถึงขั้นเกษตรอินทรีย์ เพราะจะมีขั้นตอนต่างๆเยอะมาก ขอให้เป็นข้าวปลอดภัยก่อนก็พอ” ประธานพุฒิพงษ์ กล่าวในที่สุด

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated