เซียนมะม่วง
กล้วยหอมทอง ” พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของ “ ตำบลโป่งตาลอง

ภาพ / เรื่อง : ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์
เอ่ยชื่อ “ตำบลโป่งตาลอง” หลายคนอาจจะนึกถึง “มะม่วงน้ำดอกไม้” ซึ่งเป็นไม้ผลเศรษฐกิจหลักของท้องถิ่นแห่งนี้  เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ชาวบ้านโป่งตาลองมีอาชีพปลูกพืชไร่ อย่างข้าวโพดและมันสำปะหลัง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต่อมาปี 2534 คุณมนตรี ศรีนิล เกษตรกรหัวก้าวหน้าแห่งบ้านโป่งตาลอง ได้มีโอกาสเดินทางดูกิจการมะม่วงเพื่อการส่งออกของ คุณมานพ แก้ววงศ์นุกูล นายกสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยที่อำเภอบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

คุณมนตรี ศรีนิล
คุณมนตรี ศรีนิล เกษตรกรหัวก้าวหน้าแห่งบ้านโป่งตาลอง

จากเดิมที่ปลูกมะม่วงต้นตอแก้ว ปลูกข้าวโพดเป็นพืชแซมเพิ่มรายได้ คุณมนตรีหันมาเปลี่ยนยอดมะม่วงแก้วเป็นน้ำดอกไม้ทะวายเบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง เนื่องจากตำบลโป่งตาล่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ได้เปรียบในเรื่องสภาพภูมิประเทศ พื้นที่โล่ง สลับ เนินสูง ต่ำ น้อย ใหญ่สวยงาม สภาพดินแถมเป็นพื้นที่ป่าเปิดใหม่ ความสมบูรณ์ของดินมีมาก อากาศโปร่ง ถ่ายเทสะดวก  อากาศเย็นสบาย ไม่มีปัญหาโรคระบาดของโรคและแมลง
สวนมะม่วงที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปนั้น ได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพและมาตรฐาน GAP กลายเป็นจุดขายที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศสร้างชื่อเสียงและรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่เกษตรกรในชุมชนแห่งนี้ปี 2549  เกษตรกรรวมกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ชื่อ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งออกมะม่วง  ตำบลโป่งตาลอง ” ภายใต้การนำของ “คุณมนตรี ศรีนิล” ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกประมาณ 43 ราย มีพื้นที่ปลูกมะม่วง 2 สายพันธุ์ คือ น้ำดอกไม้เบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง เนื้อที่รวม 2,180 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 200-300 ตันต่อ

หน่อพันธุ์กล้วยหอมทอง
หน่อพันธุ์กล้วยหอมทอง

ฤดูการผลิต

คุณมนตรี ศรีนิล ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งออกมะม่วงตำบลโป่งตาลอง (โทร. 08-9533-8594)  และเป็น “ นายกสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย” ( ปี 2559-2561) ได้กล่าวว่า ทุกวันนี้เกษตรกรในท้องถิ่นปลูกมะม่วงเป็นอาชีพหลักแม้ตลาดมะม่วงจะเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี แต่พวกเรามองหาลู่ทางขยายการลงทุนเพิ่มเติม หลังสำรวจตลาดแล้วเห็นว่าสินค้ากล้วยหอมทองกำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในประเทศและตลาดส่งออกแถมมีโอกาสเติบโตได้สูง จึงหันมาทดลองปลูกกล้วยหอมทอง อีกทางหนึ่งกล้วยหอมทอง ปลูกดูแลง่าย
เมื่อตัดสินใจลงทุนปลูกกล้วยหอมทองเป็นพืชเสริมรายได้คุณมนตรีได้สั่งซื้อพันธุ์กล้วยหอมทองหน่อใหญ่ มาจากอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มาปลูกดูแลอย่างใกล้ชิด โดยให้น้ำกับปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี และมีขนาดผลใหญ่
ในเบื้องต้น คุณมนตรีเริ่มต้นปลูกกล้วยหอมทองบนเนื้อที่ 5 ไร่ โดยปลูกกล้วยหอมทองเฉลี่ย 400 ต้น ต่อไร่ ตามสูตรเป๊ะเลยปลูกในระยะห่างประมาณ 2×2 เมตร  ขุดหลุมลึกประมาณ 30 ซ.ม. ครั้งแรกเขาใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก่อน หลังจากต้นกล้วยตั้งตัวได้แล้วจึงค่อยใส่ปุ๋ยเคมี เมื่อกล้วยหอมทองยืนต้นได้ดีแล้วจึงค่อยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เวลาใส่ปุ๋ย จะใช้วิธีโรยปุ๋ยบางๆ และใส่ปุ๋ยบ่อยๆ แต่สัดส่วนไม่มากนัก

แปลงปลูกกล้วยหอมทอง" ที่โป่งตาลอง
แปลงปลูกกล้วยหอมทอง” ที่โป่งตาลอง

ต้นกล้วยหอมทอง สามารถปลูกได้ในดินทุกประเภทสำหรับสวนกล้วยหอมทองของคุณมนตรีมีสภาพเป็นดินเหนียว ต้นกล้วยหอมทองก็สามารถเจริญเติบโตได้ดีพอสมควร หลังจากนั้นคอยดูแลให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะธรรมชาติของต้นกล้วยหอมทองเป็นพืชที่ชอบน้ำ แต่เป็นลักษณะน้ำไหลผ่านอย่าให้น้ำจนดินชุ่ม เสี่ยงทำให้ต้นกล้วยหอมทองรากเน่าได้
คุณมนตรี บอกว่า  ต้นกล้วยหอมทองสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี สำหรับสวนกล้วยหอมทองของคุณมนตรีเริ่มปลูกกล้วยหอมทองในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกน้อยลง จึงต้องใส่ใจให้น้ำอย่างสม่ำเสมอรอจนกล้วยหอมทองตั้งตัวได้ดี เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงฤดูฝน จึงค่อยให้เทวดาเลี้ยงต่อ เนื่องจากคุณมนตรีใส่ใจดูแลแปลงปลูกกล้วยหอมทองอย่างดีจึงได้เครือกล้วยหอมทองหวีงาม เกรดดี ที่มีจำนวนผลผลิตมากสุดถึง 23 ลูกต่อหวี
“ผลผลิตในสวนแห่งนี้  มีคุณภาพดี ตรงกับความต้องการของตลาดกล้วยหวีใหญ่ มีจำนวนผลผลิตตั้งแต่  12 ,14,16 และ 23 ลูกต่อหวี จัดได้ว่ามากที่สุดแล้ว  ทำให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่ดี” คุณมนตรี กล่าว
เมื่อถามถึงแรงานที่ใช้ดูแลสวนกล้วยหอมทองแห่งนี้  คุณมนตรี บอกว่าใช้แรงงานแค่ 2 คนก็เอาอยู่เพราะที่นี่ ให้น้ำในระบบสปริงเกอร์ทำให้ต้นกล้วยหอมทองได้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อต้นกล้วยหอมทองเติบโตแข็งแรงดีแล้ว จึงเปลี่ยนมาให้น้ำในระบบลากสายยาง เพราะต้นกล้วยหอมทอง มีขนาดสูงใหญ่ จะต้องการน้ำมากเฉลี่ย 3
วันต่อครั้ง เปิดให้น้ำครั้งละ 2 ช.ม. “หนอนกอ”   แมลงศัตรูพืชของกล้วยหอมทอง
คุณมนตรี บอกว่าโดยทั่วไป “หนอนกอ” คือ ปัญหาอุปสรรคสำคัญของการทำสวนกล้วยหอมทองโชคดีที่สวนของผมเพิ่งเริ่มปลูกกล้วยหอมทอง จึงไม่เจอปัญหานี้ หากเจอหนอนกอ  จะสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองอย่างมากเพราะต้องขุดกล้วยหอมทิ้งทั้งต้นทันที เพื่อป้องกันไม่ให้หนอนกอแพร่ระบาดไปยังต้นอื่นๆ
นอกจากนี้ เกษตรกรที่ปลูกกล้วยหอมทองต้องคอยระวัง “โรคกาบใบเหลืองใบแห้ง ”โดย คอยฉีดพ่นสารเคมีเพื่อป้องกันโรคในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคพืชชนิดนี้  คุณมนตรีบอกว่าการปลูกกล้วยหอมทองใช้ปุ๋ยและยาน้อยกว่าพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆหัวใจสำคัญที่จะทำสวนกล้วยหอมทองให้ประสบความสำเร็จได้  ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแค่ใส่ใจ เรื่องการให้น้ำ และให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น

กล้วยหอมทองใกล้เก็บเกี่ยว
กล้วยหอมทองใกล้เก็บเกี่ยว

…ความสำเร็จก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

คุณมนตรี ตั้งข้อสังเกตว่าทุกวันนี้การพัฒนาสายพันธุ์กล้วยหอมยังไม่ค่อยคืบหน้าที่เท่าควร เมืองไทยปลูกกล้วยหอมทองสายพันธุ์เดิมๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกล้วยหอมทองบ้านลาด เนื่องจากกล้วยหอมทองเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่สำคัญของเกษตรกรไทยในอนาคต ผมอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพัฒนาสายพันธุ์กล้วยหอมให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของเกษตรกรไทย ในเวทีตลาดโลก

คำแนะนำสำหรับมือใหม่

สำหรับเกษตรกรมือใหม่ที่สนใจอยากปลูกกล้วยหอมทองเป็นอาชีพ คุณมนตรี ให้คำแนะนำว่า พื้นที่ 1 ไร่สามารถปลูกกล้วยหอมทองได้ประมาณ 400 ต้น จะได้ผลผลิตจำนวน 400 เครือ ส่วนเครือกล้วยจะเล็กจะใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลเป็นสำคัญเกษตรกรควรใส่ใจดูแลต้นกล้วยหอมทองให้เติบโตแข็งแรงก่อนเป็นอันดับแรกจะช่วยให้เครือกล้วยมีขนาดใหญ่ได้ เมื่อกล้วยหอมที่ปลูกครบอายุครบเก็บเกี่ยวในปีแรกควรใช้วิธีทะยอยตัดผลผลิต เป็นรายสัปดาห์ ๆ ละ 20 เครือ ค่อยๆ ทะยอยตัดผลผลิตไปเรื่อยๆ ก่อนนำมาบ่มตามธรรมชาติ จะช่วยให้กล้วยหอมทองมีรสชาติอร่อยดีกว่าการบ่มแก๊ส

ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวแล้วรอขาย
ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวแล้วรอขาย

ด้านตลาด

คุณมนตรี บอกว่าเกษตรกรสามารถกำหนดราคาขายได้เอง เพราะกล้วยหอมทองเป็นสินค้าที่มีคุณภาพดี ตอนนี้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอยากได้กล้วยหอมทองคุณภาพดีทั้งสิ้น ทุกวันนี้ คุณมนตรีนำผลผลิตออกไปขายเองที่ตลาด ทำให้ผลกำไรเป็นกอบเป็นกำ เขาทดลองปลูกกล้วยหมอทองแค่ 5 ไร่ ผลผลิตยังไม่เยอะมาก หากเกษตรกรสามารถรวมตัวปลูกกล้วยหอมได้ตั้งแต่ 20-30 ไร่ ก็จะรวบรวมผลผลิตเพื่อป้อนตลาดส่งออกได้ในอนาคต
ทุกวันนี้ มีเอกชนผู้ส่งออกสนใจอยากรับซื้อกล้วยหอมทองจากกลุ่มเกษรกรในท้องถิ่นทั้งหมดโดยบริษัทตีราคารับซื้อที่เครือละ 170 บาท แต่คุณมนตรีมองว่าให้ราคาถูกไป เพราะหากนำไปขายปลีกในราคาลูกละ 8 บาท ก็จะมีผลกำไรสูงมากหากเกษตรกรขายเองสามารถกำหนดราคาขายได้หวีละ 80-100 บาททีเดียว ในท้องตลาดทุกวันนี้กล้วยหอมมีราคาขายตั้งแต่ 30-60 บาทต่อหวี แต่คุณมนตรีเลือกกำหนดราคาขายกล้วยหอมทองเป็นกิโลกรัมละ  30 บาท หากขายยกเครือ เฉลี่ยเครือละ 5 กิโลกรัม จะสามารถขายได้เครือละ 350-400 บาท เรียกว่า ขายปลีกได้ผลกำไรดีกว่า การขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง

กล้วยหอมขายดี
กล้วยหอมขายดี

หากใครมีโอกาสผ่านไปทางตำบลโป่งตาลองสามารถแวะเยี่ยมชมกิจการสวนมะม่วงส่งออกและกิจการกล้วยหอมทองของคุณมนตรี ศรีนิล ได้ที่บ้านเลขที่31 ม.7 บ้านสระน้ำใส ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โทร. 089-533-8594,098-846-0580  รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated