หมายเหตุ/เกษตรก้าวไกล เมื่อเร็วๆนี้บ้านเรามีข่าวเกรียวกราวเรื่องการนำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รมว.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านมาตรฐานสินค้า เข้าตรวจสอบสถานที่ประกอบการในการนำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากต่างประเทศในกรณีที่เป็นข่าว ในเบื้องต้นพบว่าการนำเข้าดังกล่าวเป็นไปตามกฎระเบียบอย่างถูกต้องโดยการนำเข้านั้น ต้องมีใบ PC ประกอบการนำเข้ารวมถึงมีการเฝ้าระวังและสุ่มตรวจจากสำนักงานอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลของการตรวจสอบพบว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงาน มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารในรายละเอียดและสุ่มเก็บตัวอย่างตรวจสอบซ้ำ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งบริษัทดังกล่าวนำเข้าทุเรียนแช่แข็งจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการแปรรูปเป็นแบบฟรีซดรายในการส่งออกไปอีก 5 ประเทศ และ รวมว.นฤมล มองว่านี่จะเป็นโอกาสในการผลักดับทุเรียนแช่เยือกแข็งของประเทศไทย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ที่ https://www.kasetkaoklai.com/home/2025/รมว-เกษตรฯ-สั่งตรวจสอบทุ/

ต่อกรณีดังกล่าวนี้ เกษตรก้าวไกล ได้รวบรวมข้อมูลจากออนไลน์ก็พบว่า ในปี 2567 ประเทศไทยส่งออกทุเรียนแช่เยือกแข็ง (ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง) มูลค่า 649.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 22,654 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 14.7% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม–กุมภาพันธ์) มูลค่าการส่งออกทุเรียนแช่เยือกแข็งอยู่ที่ 42.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,456 ล้านบาท)
โอกาสการเติบโตของทุเรียนแช่เยือกแข็งของไทย
1. ความต้องการจากตลาดจีนและต่างประเทศ จีนเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย โดยในปี 2566 จีนมีการนำเข้าทุเรียนแช่เยือกแข็งจากไทยและมาเลเซียรวมกันมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดอื่น ๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและยุโรป ก็มีความต้องการทุเรียนแช่เยือกแข็งเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถเก็บรักษาได้นานและสะดวกต่อการบริโภค
2. การลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด การแปรรูปทุเรียนสดเป็นทุเรียนแช่เยือกแข็งช่วยลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดในช่วงฤดูกาล และยืดอายุการเก็บรักษา ทำให้สามารถส่งออกได้ตลอดปี
3. การเพิ่มมูลค่าและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทุเรียนแช่เยือกแข็งสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ไอศกรีม ขนมหวาน หรือส่วนผสมในอาหาร ทำให้เพิ่มมูลค่าและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

ความท้าทายและข้อควรระวัง
การพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไป การที่ไทยพึ่งพาตลาดจีนถึง 97% ของการส่งออกทุเรียน อาจเป็นความเสี่ยงหากเกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายการนำเข้าหรือการแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ([สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า][1])
มาตรการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด จีนมีการตรวจสอบสารตกค้างในทุเรียนอย่างเข้มงวด เช่น สาร Basic Yellow 2 (BY2) และแคดเมียม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกหากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด
การแข่งขันจากประเทศคู่แข่ง ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น เวียดนามและมาเลเซีย กำลังขยายการผลิตและส่งออกทุเรียนแช่เยือกแข็ง ซึ่งอาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดของไทยในอนาคต

สรุป
ทุเรียนแช่เยือกแข็งของไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากความต้องการจากตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และความสามารถในการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า อย่างไรก็ตาม ควรมีการกระจายตลาดส่งออก ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง และรักษามาตรฐานคุณภาพเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมทุเรียนไทยในระยะยาว