อธิบดีกรมประมง..ขานรับนโยบายร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าเร่งฟื้นฟู “ปลายี่สกไทย” หลังเสี่ยงจัดเป็นสัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีไซเตส (CITES) เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตลูกพันธุ์ในปี 2569 จำนวนกว่า 500,000 ตัว เพื่อปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติทั่วประเทศ และจำหน่ายให้เกษตรกรนำไปเพาะเลี้ยงขยายผลทางเศรษฐกิจต่อไป

นางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า “ปลายี่สก” (Probarbus jullieni) เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในแม่น้ำสายสำคัญของประเทศไทย อาทิ แม่น้ำโขง เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง และน่าน ถือเป็นปลา
ที่มีรสชาติดี เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ราคาจำหน่ายสูงถึงกิโลกรัมละ 200–250 บาท นอกจากนี้ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดปลาสวยงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปลาขนาด 30 เซนติเมตร สามารถจำหน่ายเป็นปลาสวยงาม
ที่มีมูลค่าตัวละหลายร้อยบาท ด้วยความต้องการของตลาดรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในแหล่งน้ำ จึงส่งผลให้ประชากรปลายี่สกในธรรมชาติลดลงอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ตามบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์ (CITES)

ที่ผ่านมากรมประมงได้ดำเนินการเพาะขยายพันธุ์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรปลายี่สกในธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ด้วยเทคนิคการผสมเทียมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2517 ด้วยการใช้พ่อแม่พันธุ์ทั้งที่ได้จากแม่น้ำโขงและพ่อแม่พันธุ์ที่มีการเลี้ยงไว้ในหน่วยงานของกรมประมง นอกจากนี้ยังมีการจัดทีมเฉพาะกิจเพื่อตั้งแคมป์ริมฝั่งแม่น้ำโขงร่วมกับชุมชนประมงในการเฝ้าสังเกตการณ์และรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลายี่สกที่ขึ้นมาวางไข่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยจะนำแม่พันธุ์ปลาที่มีความพร้อมมาฉีดกระตุ้นการวางไข่และเก็บน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ปลาไว้สำหรับการผสมเทียม เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตลูกพันธุ์ปลายี่สกในธรรมชาติเป็นประจำทุกปี

โดยล่าสุดได้รับรายงานจากทีมชุดเฉพาะกิจว่า ขณะนี้สามารถรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากธรรมชาติใช้ผสมเทียมเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรปลายี่สกในพื้นที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาในปี 2568 ดำเนินการใน 2 พื้นที่ คือบ้านสองคอน จังหวัดมุกดาหาร และ บ้านไคสี จังหวัดบึงกาฬ และปัจจุบันสามารถผสมเทียมปลายี่สกได้แล้ว 7 คู่ โดยปลายี่สกที่ได้จากแม่น้ำโขงคู่แรกที่เพาะพันธุ์ในปีนี้ ผสมเทียมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 โดยปลาเพศเมีย น้ำหนัก 13 กิโลกรัม ความยาว 102 เซนติเมตร และปลาเพศผู้ น้ำหนัก 10 กิโลกรัม ความยาว 90 เซนติเมตร สามารถรีดไข่ปลาได้ 500 กรัม คิดเป็นจำนวนไข่ปลาประมาณ 120,000 ฟอง โดยลูกปลายี่สกจากธรรมชาติรุ่นแรกของปีได้ฟักออกจากไข่ในวันที่ 5 ธันวาคม 2568 เวลา 05.00 น. ได้ลูกปลาแรกฟักประมาณ 60,000 ตัว สำหรับอีก 6 คู่ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการเพาะพันธุ์และนำไปอนุบาลในหน่วยงานของกรมประมง และจะทยอยปล่อยคืนแม่น้ำโขงและลำน้ำสาขา ปริมาณไม่น้อยกว่า 100,000 ตัว ต่อไป

อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้กรมประมงเร่งปล่อยปลายี่สกลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติในจังหวัดราชบุรี หลังได้รับรายงานว่า ปลายี่สกเป็นปลาประจำถิ่นที่มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ และยังเป็นสัตว์น้ำประจำจังหวัดราชบุรีด้วย จึงทำให้มีความห่วงใยต่อทรัพยากรปลายี่สกในจังหวัดราชบุรี ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา ทางศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดราชบุรี สามารถผลิตปลายี่สกได้กว่า 320,000 ตัว นำไปปล่อยลงในแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญ เช่น แม่น้ำแม่กลอง และอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง ฯลฯ รวมถึงจำหน่ายให้เกษตรกรเพื่อนำไปเพาะเลี้ยงอีกด้วย

สำหรับปี 2569 กรมประมงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตลูกพันธุ์ปลายี่สกทั่วประเทศให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าผลิตไว้ไม่น้อยกว่า 500,000 ตัว เพื่อปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำประจำถิ่นและสัตว์น้ำหายากใกล้
สูญพันธุ์ และจำหน่ายลูกพันธุ์ให้เกษตรกรได้นำไปเพาะเลี้ยงต่อยอดทั้งในด้านการผลิตเพื่อบริโภค และการเพาะเลี้ยงเป็นปลาสวยงามเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานของกรมประมงหลายแห่งได้รับการรับรองจาก CITES ให้ขึ้นทะเบียนเป็นสถานเพาะพันธุ์ปลายี่สกเพื่อการค้าระหว่างประเทศ เกษตรกรสามารถซื้อลูกพันธุ์จากกรมประมง
ไปอนุบาลและส่งออกได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งช่วยสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ และยกระดับมูลค่าสินค้าสัตว์น้ำ
ของไทย อีกทั้งยังลดการจับจากธรรมชาติ อันจะช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป










































