นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนโครงการตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ดำเนินการเปิดจุดรวบรวมข้าวเปลือก โดยมีสหกรณ์เข้าร่วมจำนวน 428 แห่ง ใน 57 จังหวัด เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 จำนวน 133 แห่ง และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 จำนวน 295 แห่ง ตั้งเป้ารวบรวมปริมาณข้าวเปลือกเข้าสู่ระบบสหกรณ์กว่า 4 ล้านตัน มูลค่ารวบรวมกว่า 40,000 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์ทำหน้าที่รวบรวมผลผลิตจากชาวนาเข้าสู่ระบบ จะช่วยพยุงราคาและลดความเสี่ยงจากภาวะผลผลิตล้นตลาด ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วกว่า 1 สัปดาห์ มีสหกรณ์เปิดจุดรวบรวมข้าวแล้ว 233 จุด สหกรณ์ 172 แห่ง พื้นที่ 35 จังหวัด
รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ยังกล่าวถึงแนวทางระยะยาวว่า กระทรวงเกษตรฯ จะผลักดันให้ชาวนาหันมาปลูกข้าวคุณภาพที่ตรงตามความต้องการของตลาด เช่น ข้าวหอมมะลิ GAP และข้าวคาร์บอนต่ำ เพื่อยกระดับรายได้และความยั่งยืนของอาชีพ โดยมีกรมการข้าวเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนา

“ผมได้มอบนโยบายให้กรมการข้าว ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ศึกษาแนวทางส่งเสริมการผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ เพื่อพัฒนาระบบสนับสนุนการผลิตข้าวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งยกระดับข้าวไทยสู่ตลาดพรีเมียม พร้อมกันนี้ เตรียมขับเคลื่อนการปรับพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมทั่วประเทศ 10 ล้านไร่ โดยตั้งเป้าปรับเปลี่ยนในระยะเริ่มต้น 1 ล้านไร่ ให้เป็นการปลูกพืชผสมผสานหรือพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้เกษตรกร” รมช.นเรศ กล่าว












































