“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ

เรื่อง/ภาพ : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

อาชีพเผาถ่าน” เป็นหนึ่งของวิถีชีวิตที่อยู่คู่รากฐานทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของสังคมไทยที่ดำรงไว้มาอย่างช้านาน แม้ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและพลังงานสมัยใหม่เข้ามาแทนที่ แต่ถ่านไม้ยังคงมีกลิ่นไอและมนต์เสน่ห์ของยุคสมัยในการใช้ประกอบอาหาร และบทบาทสำคัญต่อครัวเรือน ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมบางประเภท สะท้อนถึงความไม่มอดดับของอาชีพที่ต้องพึ่งพาความชำนาญและภูมิปัญญาดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันอาชีพนี้เริ่มเลื่อนหายตามยุคสมัยที่เทคโนโลยีและสังคมโลกที่ปรับเปลี่ยน และมีการปรับตัวอย่างมากจากถ่านไม้แปรเปลี่ยนเป็นถ่านอัดแท่งจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กะลามะพร้าว ขี้เลื่อย หรือซังข้าวโพด แทนการพึ่งพาไม้จากป่าเหมือนที่ผ่านมาร่วมกับการใช้เทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"

เตาเผาถ่านจึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนความหวังที่ไม่เคยดับของ “ไฟถ่าน” ทำให้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เทอดเกียรติ แก้วพวง อาจารย์จากคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี ได้ดำเนินการพัฒนา ออกแบบ และปรับปรุง นวัตกรรมเตาเผาไร้ควันจากภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือ นวัตกรรมเตาซุเปอร์บอลล์ [เตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง] ร่วมกับกลุ่มเกษตรเครือข่ายจังหวัดสระแก้ว (จังหวัดที่มีหน่วยการศึกษาของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่)  ศรีสะเกษและอุบลราชธานี ในช่วงปี 2566-2567 จนได้เตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูงที่มีการเผาไหม้แบบสมบูรณ์ที่อุณหภูมิในเตาสูงกว่า 700 องศาเซลเซียส ส่งผลให้ลดมลพิษทางอากาศ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทำให้ได้ถ่านไม้คุณภาพ ขณะเผาไม่เกิดควันดำ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นปริมาณน้อยมาก และเป็นถ่านที่ไม่มีสารทาร์ (สารก่อมะเร็ง) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ลดรายจ่าย และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในจังหวัดสระแก้วไปพร้อมกัน

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เทอดเกียรติ แก้วพวง

“เราพบว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของครัวเรือนเกษตรกรในจังหวัดสระแก้วยังใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิงหลักในการหุงหาอาหาร หากครัวเรือนเหล่านี้มีเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูงไว้ใช้ในการจัดการกับเศษวัสดุการเกษตรในแปลงของตนเอง จะสามารถประหยัดเงินค่าถ่านไม้ที่ต้องซื้อได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 500 บาท หรือหากเป็นการเผาเพื่อขายจะมีรายได้จากถ่านไม้และน้ำส้มควันไม้ดิบที่เป็นผลพลอยได้จากการเผาเฉลี่ยเดือนละ 7,000 – 8,000 บาทต่อเตา”

ผลจากความสำเร็จของการ พัฒนานวัตกรรม นำไปสู่การทำโครงการการพัฒนานวัตกรรมรูปแบบการเรียนรู้ยกระดับห่วงโซ่คุณค่าเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรแก้ไขปัญหาอาชีพกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน” โดยการสนับสนุนนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้นวัตกรรม (Learning and Innovation Platform – LIP) ในการถ่ายทอดนวัตกรรมเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูงให้กับกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดสระแก้ว จำนวน 10 กลุ่ม ในหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับการผลิตเตาเผาถ่านประสิทธิภาพสูง จากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ สำนักงานจังหวัดสระแก้ว สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 31 สระแก้ว  สำนักงานพลังงานจังหวัดสระแก้ว และสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดสระแก้ว ได้มีการทำ MOU ร่วมกันในการจัดทำหลักสูตรส่งเสริมอาชีพที่ได้รับการรับรองจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"

“เราต้องการให้หลักสูตรมีมาตรฐานความรู้ เพื่อทำให้ผู้เรียนเข้าใจและเกิดทักษะได้จริง (รับ) จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง (ปรับ)  และใช้งานเตานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ใช้)  รวมถึงสามารถเป็นนวัตกรที่แก้ปัญหาหรือส่งต่อองค์ความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกรคนอื่นๆ ได้ (ถ่ายทอด) โดยตลอด 1 ปีของโครงการ มีการอบรมไปแล้วทั้งสิ้น 5 รุ่น มีนวัตกรที่ผ่านการอบรม 119 คน”  

หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า หัวใจสำคัญของงานนี้ คือ การสร้างนวัตกรชุมชนที่เป็นข้อต่อเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายความร่วมมือกันระหว่างนักวิจัย ภาครัฐ และระหว่างตัวนวัตกรด้วยกัน เพราะนักวิจัยไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ตลอดเวลา ขณะที่นวัตกรคือคนที่อยู่ในพื้นที่ เป็นคนที่เกษตรกร คนในชุมชนไว้ใจ สามารถพูดคุยกันได้สนิทใจ และสามารถเข้าถึง ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที เป็นข้อต่อสำคัญของห่วงโซ่กลไกการพัฒนางานในครั้งนี้ ขณะเดียวกันกระบวนการถ่ายทอดความรู้และทักษะจะทำให้นวัตกรเกิดความชำนาญและความมั่นใจที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับเพื่อนเกษตรกรรายอื่นต่อไป

นายสมบูรณ์ เหล่าลา
นายสมบูรณ์ เหล่าลา

นายสมบูรณ์ เหล่าลา เกษตรกรตำบลหนองหว้า อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว หนึ่งในนวัตกรชุมชน ที่ร่วมพัฒนาเตาเผาถ่านซุเปอร์บอลล์ กับทีมวิจัยมาตั้งแต่ต้น กล่าวว่า สิ่งที่ตนภาคภูมิใจคือ การทำให้คนในชุมชนสนใจนวัตกรรมนี้

“เมื่อก่อนคนชอบพูดกันว่า เผาถ่านใครก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องมาอบรมให้เสียเวลา แต่เมื่อเขาเห็นแล้วว่านวัตกรรมนี้สามารถเปลี่ยนเศษไม้ กิ่งไม้ ที่เป็นของเหลือทิ้งในหัวไร่ปลายนามาเป็นถ่านไม้ที่ขายได้จริง มีคนซื้อจริง ทำให้ตอนนี้แปลงเกษตรของผมกลายเป็นสถานที่ฝึกงานให้กับคนที่สนใจเรียนรู้เตาประสิทธิภาพสูง ซึ่งผมกล้าบอกว่า มาเรียนวันนี้พรุ่งนี้คุณก็มีรายได้แล้ว เพราะคุณมาเรียนวันนี้ ตอนเย็นกลับไปเผา พรุ่งนี้ก็นำไปขายได้เงินมาใช้ทันที”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เทอดเกียรติขยายความว่า เตาเผาถ่านซุเปอร์บอลล์ เป็นนวัตกรรมที่ถูกออกแบบให้มีการผลิต การใช้งานและการดูแลรักษาที่ง่ายต้นทุนต่ำใช้ทรัพยากรในพื้นที่ เมื่อชาวบ้านเรียนจบหลักสูตร ก็สามารถใช้เตาที่ซื้อหรือผลิตใช้เองเพื่อการผลิตถ่านไม้คุณภาพดี จากเศษไม้ กิ่งไม้ ที่อยู่ในไร่นาของตนเองและเศษไม้จาการตัดแต่งกิ่งในชุมชนมาเป็นวัตถุดิบและเชื้อเพลิงได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลว่าต้นไม้และพื้นที่ป่าจะลดลง

“ที่สระแก้วจังหวัดเดียวก็มีเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 2.5 ล้านกิโลกรัมต่อปี ซึ่งเกินกว่าปริมาณความต้องการใช้ผลิตถ่านของเกษตรกรในจังหวัดหลายร้อยหลายพันเท่า ที่สำคัญทีมวิจัยยังใช้ถังขนาด 200 ลิตรมาทำเป็นเตา ทำให้เตามีขนาดที่เหมาะกับวัตถุดิบที่เป็นเศษไม้หรือกิ่งไม้ที่เป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเท่านั้น”

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"

ด้วยประสิทธิภาพของเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง และหลักสูตรที่สามารถสร้างนวัตกรที่มีศักยภาพในการผลิต การดูแลและบำรุงรักษาเตาเผาถ่านซุเปอร์บอลล์ ทำให้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ วไลยอลงกรณ์ฯ ได้รับการสนับสนุนจาก บพท. ให้ขยายผลนวัตกรรมรูปแบบการเรียนรู้สระแก้วโมเดล ด้วยหลักสูตรการอบรมให้กับผู้สนใจเพิ่มเป็น 3 จังหวัดคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี และบุรีรัมย์ ที่มีวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรรวมกันมากกว่า 8 ล้านกิโลกรัมต่อปี โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ การสร้างรายได้ระดับครัวเรือนมากกว่า 5,000 บาท/เดือน เพิ่มนวัตกร 172 คน รวมถึงมีครัวเรือนเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 210 ราย เพื่อช่วยลดมลพิษ pm 2.5 จากการเผาในพื้นที่โล่ง และรักษาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเศษไม้เหลือทิ้งให้เป็นถ่านคุณภาพดีไม่น้อยกว่า 3 ล้านกิโลกรัมต่อปี คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจของถ่านไม้คุณภาพดีที่สร้างรายได้มากกว่า 60 ล้านบาทต่อปี

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"

เตาเผาถ่าน ซุเปอร์บอลล์ จึงเป็นมากกว่านวัตกรรม แต่คือ กลไกขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจฐานรากที่ยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ลดภาระค่าใช้จ่าย และมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า “ของเหลือทิ้ง” ที่คนมองข้าม รวมถึงการรับ-ปรับ-ใช้-ถ่ายทอด นวัตกรรมเตาเผาถ่านซุเปอร์บอลล์ คือ พลังที่จะจุดไฟแห่งความหวังและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

“นวัตกรชุมชนเตาเผาถ่านชีวมวลประสิทธิภาพสูง” ความหวังที่ไม่เคยดับของ "ไฟถ่าน"
SIMA_webbanner_468x90_TH_animated