ข่าวเกษตรก้าวไกล/ปัตตานี-นราธิวาส / วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2568 – กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ นำคณะสื่อมวลชนเดินทางล่องใต้ เพื่อพาไปชมโครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ที่ประสบปัญหาทั้งอุทกภัย ภัยแล้ง และน้ำทะเลหนุนในพื้นที่การเกษตร ซึ่งโครงการที่พาไปดูนี้เป็นการแก้ไขปัญหาซ้ำซากที่เกิดมาหายปี และหากทำได้จะสามารถลดความเสียหายในพื้นที่ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่างได้ประมาณ 90,000 ไร่
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ เกษตรก้าวไกลได้ LIVEสด ตามลิงก์นี้ https://www.facebook.com/kasetkaoklai/videos/1181637253904164


สภาพปัญหา
ลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรี เป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำภาคได้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดได้แก่ นราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา มีความยาวลำน้ำ 195.00 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 3,213.01 ตารางกิโลเมตร (2.01 ล้านไร่) ปริมาณฝนสะสมเฉลี่ย 2.551.8 มิลลิเมตร และปริมาณน้ำท่า 5,466.74 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

จากปัญหาทรัพยากรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรี ประสบปัญหาหลัก ได้แก่ อุทกภัยในช่วงฤดูฝน และการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำกระทบต่อน้ำอุปโภค-บริโภค และพื้นที่การเกษตร จากสถานการณ์ดังกล่าว และตามข้อสั่งการของรัฐบาล เมื่อครั้งเดินทางมาตรวจราชการ ณ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 สำนักงานชลประทานที่ 17 จึงได้เสนอแผนงาน “โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและเพิ่ม ประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำสายบุรี” ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมชลประทานเห็นความสำคัญของปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนในลุ่มน้ำแม่น้ำสายบุรีจึงได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา ศึกษาโครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัด ยะลา ในปีงบประมาณ 2568 ระยะเวลาดำเนินการ 600 วัน

วันแรก/ แวะจุดแรกที่ปากคลองกอตอ จ.ปัตตานี
ลงจากสนามบินนราธิวาส พวกเรามุ่งหน้าไปที่ ปากคลองกอตอ ตำบลมะนังดาลัม อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ที่นี่เราได้พบกับผู้บริหารกรมชลประทาน และผู้นำชุมชน…
นายปรัชญา ฉายวัฒนา วิศวกรโยธาเชี่ยวชาญ กรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการฯนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและปัญหาอุทกภัยที่เกิดซ้ำซากในฤดูฝน มุ่งเน้นการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพไต้อย่างยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้อง ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น มีโครงการในแผนหลักทั้งหมด 198 โครงการ ซึ่งในแผนหลักมีโครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่จำนวน 20 โครงการ อาทิ 1) โครงการบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรีตอนล่าง (คลองกอดอ-คลองไม้แก่น-คลองสายบุรี) 2) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและกักเก็บน้ำโครงการพรุบาเจาะ ไม้แก่น อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน คลองไอร์ลือโบว์ 4) โครงการฟื้นฟู พรุปาเซรายอ 5) โครงการป้องกันน้ำเค็ม คลองละเวง 6) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุน คลองไอร์ยูง-คลองไอร์ดาฮง

โดยโครงการนี้จะสามารถบรรเทาอุทกภัยและลดความเสียหายในพื้นที่ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่างเป็นพื้นที่ประมาณ 90,000 ไร่ ได้แก่ อำเภอกะพ้อ อำเภอปะนาเระ อำเภอสายบุรี และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี อำเภอรามัน จังหวัดยะลา รวมถึงอำเภอบาเจาะ และอำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ประมาณ 366 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำ
“โครงการศึกษาการแก้ใขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำสายบุรีนี้ ไม่ใช่การทบทวนหรือรื้อฟื้นโครงการเขียนสายบุรีที่ ครม. มีมติยกเลิกไปแล้ว ตามที่บางท่านอาจมีความกังวลหรือเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่โครงการนี้เป็นการดำเนินการศึกษาวางแผนเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำสายบุรีอย่างเป็นระบบและยั่งยืนกรมชลประทานมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการภายได้หลักความโปร่งโสและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในทุกขั้นตอน เพื่อให้แนวทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาน้ำอย่างยั่งยืนในระยะยาวต่อไป” นายปรัชญา ฉายวัฒนา กล่าวเพิ่มเติม

อีกท่านหนึ่งที่มาให้ข้อมูลคือ นายศุภณัฐ ปริยชาติ ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า โครงการร่างแผนหลักการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำสายบุรี รวบรวมจากแผนพัฒนา ด้านแหล่งน้ำในอนาคตจากโครงการสำคัญที่ที่ปรึกษาเสนอ แผนงาน/โครงการในอนาคต (MTEF) ของกรมชลประทาน แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำ และแผนพัฒนาจังหวัดของสำนักงานจังหวัดนราธิวาส สำนักงานจังหวัดปัตตานี และสำนักงานจังหวัดยะลา จำนวนทั้งสิ้น 198 โครงการ ประกอบด้วย กรมชลประทาน75 โครงการ กรมทรัพยากรน้ำ 15 โครงการ สำนักงานจังหวัดนราธิวาส 78 โครงการ สำนักงานจังหวัดปัตตานี 9 โครงการ สำนักงานจังหวัดยะลา 1 โครงการ โครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่ 20 โครงการ
สำหรับโครงการสำคัญตามข้อเสนอของพื้นที่จำนวน 20 โครงการนั้น เป็นแผนงานที่เกิดจากการรับฟังสภาพปัญหา และข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ ผ่านเวทีประชาสัมพันธ์และการจัดประชุมสนทนาแบบกลุ่ม (Focus Group) เพื่อให้แผนพัฒนาเป็นไปตามความต้องการและแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง จากการรวบรวมแผนงานทั้งหมด สามารถจำแนกกลุ่มโครงการตามลักษณะพื้นที่ลุ่มน้ำได้ดังนี้ 1. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนบน เป็นกลุ่มโครงการประเภทพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในลำน้ำสาขา 2. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนกลาง เป็นกลุ่มโครงการประเภทพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในลำน้ำสาขา และเพิ่มปริมาตรเก็บกักน้ำ บึง แก้มลิงธรรมชาติ และฟื้นฟูระบบนิเวศ 3. ลุ่มน้ำสายบุรีตอนล่าง เป็นกลุ่มโครงการประเภทคลองผันน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัยและโครงการป้องกันน้ำเค็ม

ทางด้านผู้นำชุมชน นายซอฟรี สาและ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะโละดือรามัน อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในช่วงฤดูน้ำหลากชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี เนื่องจากน้ำไหลผ่านลงสู่ทะเล ทั้งคลองหลักคลองย่อย ชาวบ้านได้มีการขุดลอก ขยายคลองเพื่อรองรับน้ำให้มากขึ้น มีการทำฝายสปิลเวย์ เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงน้ำแล้ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ อยากให้มีแนวทางแก้ไขโดยการบูรณาการ 3 จังหวัดที่แม่น้ำสายบุรีไหลผ่าน ขุดลอกตั้งแต่ต้นน้ำ จะช่วยทำให้น้ำไหลลงมาปลายน้ำน้อยลง เพราะช่วงท้ายน้ำจะมีน้ำทะเลหนุนทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมทุกปีและท่วมยาวนาน 7-10 วัน หากแก้ปัญหาต้นน้ำได้ก็จะช่วยให้ผู้ใช้น้ำท้ายน้ำมีปัญหาน้อยลง และอยากให้มีประตูระบายเปิดปิดได้ก็จะช่วยเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้งได้

เช่นเดียวกับนายแปอิง นาเซ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ตะโละไกรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี กล่าวว่า ในช่วงน้ำขึ้นจะมีน้ำทะเลหนุนเข้ามาทำให้เกษตรกรที่ปลูกนาข้าวได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะหมู่1,2 ของตำบลตะโละไกรทอง ที่เป็นปัญหาเกิดขึ้นทุกปี ในช่วงเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม นอกจากนี้ก็ยังเจอน้ำท่วมซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปี อยากให้กรมชล

จากนั้น ผู้บริหารกรมชลประทานและคณะสื่อมวลชน เดินทางถึงปากน้ำบางสาย ตำบลดอนทราย อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เพื่อดูสภาพปากแม่น้ำบางสาย ทางออกสู่ทะเล

คณะเดินทางต่อไปที่ บ้านสารวัน ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ได้พบกับกลุ่มผู้นำชาวบ้าน และได้สัมภาษณ์ นายเสริม สิทธิพันธ์ ตัวแทนชาวบ้าน บ้านสารวัน ต.ไทรทอง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็ม โดยเฉพาะช่วงน้ำหลากพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และขาดแคลนน้ำในช่วงน้ำลด ที่เป็นปัญหามาตลอดหลายสิบปี พอได้โครงการคันกั้นน้ำเค็มและท่อระบายน้ำสารวัน-ม่วงชุม ที่เปิดใช้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็สามารถบรรเทาเรื่องน้ำเค็มได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านในชุมชนสามารถทำนา ปลูกผัก ฟาร์มตัวอย่างเกษตรผสมผสาน ได้ผลผลิตที่ดีขึ้น สร้างคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้นตามไปด้วย

“ตอนนี้ชาวบ้านกลับมาทำนากันอีกแล้ว หลังจากทิ้งให้นาร้างไว้ เพราะว่าเราสามารถบริหารจัดการเรื่องน้ำทะเลหนุนได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเพาะปลูกต่างๆได้ผลดีขึ้นมาก” นายเสริม สิทธิพันธ์ กล่าวย้ำ ก่อนที่จะพาไปชม โรงคั่วถั่วที่เป็นผลผลิตของชุมชน และพาไปชมฟาร์มตัวอย่างที่ตนเองดูแลอยู่ ซึงนายเสริมนั้นเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนในพื้นที่และต่อมาปักหลักทำเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชทุกชนิดโดยยึดหลักว่า “ปลูกทุกอย่างที่กินได้ เหลือไว้แบ่งปันและขายบ้างตามโอกาส” โดยในวันดังกล่าวได้เชิญชวนทุกคนไปเที่ยวฟาร์มตัวอย่างและได้เจาะนำมะพร้าวสดๆจากต้นมาให้ทุกคนได้รับประทานด้วย

วันที่สอง / พบกับประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำอำเภอบาเจาะ
วันที่สองของการเดินทางของสื่อสัญจร ทางผู้บริหารกรมชลประทานนำคณะสื่อมวลชน เดินทางไปที่ประตูระบายน้ำปากคลองพรุบาเจาะ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส
นายมูฮำมัด สาและ กำนันตำบลบาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส และเป็นประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำอำเภอบาเจาะ เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี บอกว่า พื้นที่ของตำบลบาเระใต้เป็นแอ่งกะทะ น้ำจากหลายๆที่ไหลมารวมกันในพื้นที่ของบาเระใต้ทำให้เกิดน้ำท่วม อีกทั้งยังมีภัยแล้ง ไฟป่า ด้วย เป็น 3 เรื่องที่คนในชุมชนประสบปัญหากันมาทุกปี ในเรื่องของน้ำท่วมได้ประสานงานกับกรมชลประทานที่ต้องระบายน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด

“กลุ่มผู้ใช้น้ำในบาเจาะ มีการรวบรวมปัญหานำเสนอกับทางกรมชลประทาน ต้องการให้มีการขยายคลอง ก้นคลอง ปากคลองให้กว้างขึ้น ที่ช่วยรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้มากขึ้น ในช่วงฤดูแล้งก็สามารถปิดประตูระบายน้ำ โดยมีคณะกรรมการกลุ่มผู้ใช้น้ำเข้ามาดูแลเรื่องของการปิดเปิด จะช่วยให้การใช้น้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากข้อเสนอผ่าน ก็จะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ สามารถเพิ่มผลิตได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น ความสูญเสียในเรื่องของบ้านเรือนก็จะลดน้อยลง ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้” นายมูฮำมัด กล่าว

จากนั้นคณะสื่อสัญจร ภายใต้การนำของผู้บริหารกรมชลประทาน ได้พาไปดูประตูระบายน้ำปากคลองพรุบาเจาะ และคลองระบายน้ำสายใหญ่พรุบาเจาะที่จะขยายโครงการเพิ่มประสิทธิภาพ
ปิดท้ายพาไปดู แนวคลองระบายน้ำสายที่ 5 ที่จะช่วยระบายน้ำออกสู่ทะเล ซึ่งจะเป็นคลองที่ตัดขึ้นใหม่ ผู้บริหารกรมชลประทาน และบริษัทที่ปรึกษาบอกว่า คลองตัดใหม่นี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตัวเมืองนราธิวาส

ทั้งนี้โครงการศึกษาการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาอุทกภัยแม่น้ำสายบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา เป็นโครงการที่มีขั้นตอนการศึกษาประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ส่วนที่ 1 แผนหลักการ พัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และส่วนที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ ปัจจุบันดำเนินการมาถึงขั้นตอน การจัดทำแผนหลัก และต่อจากนี้จะดำเนินการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ เพื่อคัดเลือกโครงการนำไปสู่การศึกษา ความเหมาะสม จำนวน 2 โครงการ โดยรายละเอียดโครงการ ขอให้ทางบริษัทที่ปรึกษาเป็นผู้นำเสนอต่อไป










































