จากกระแสกล้วยหอมทองจากประเทศไทยที่ได้โกอินเตอร์ไปยังตลาดญี่ปุ่นเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น เรียกได้ว่าได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก โดยมี คุณพิมใจ มัตสึโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีแอนด์เอฟ เทคโน จำกัด เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่าง หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยอย่างกระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บริษัท Bay Commerce Co.,Ltd. ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าเกษตรแห่งเมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยในประเทศไทย
เนื่องจากประเทศไทยมีโควตาการส่ง “กล้วยหอมทอง” ไปยังตลาดญี่ปุ่นภายใต้กรอบความตกลง JTEPA ปริมาณ 8,000 ตัน/ปี แต่ที่ผ่านมาไทยเรายังไม่สามารถส่งออกได้เต็มโควตา ต่อมาคุณพิมใจ มัตสึโมโตจึงได้จัดหา “กล้วยหอมเขียว” จากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากตลาดญี่ปุ่นมีความต้องการกล้วยหอมเขียวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อฟิลิปปินส์ หนึ่งในผู้ส่งกล้วยหอมเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาในการผลิต คุณพิมใจจึงได้เจรจากับคู่ค้าชาวญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มการนำเข้ากล้วยหอมเขียว และกระตุ้นให้เกษตรกรไทยหันมาปลูกกล้วยชนิดนี้มากขึ้น
นอกจากนี้บริษัท พีแอนด์เอฟ เทคโน จำกัด ได้ให้ความสนใจกล้วยไข่ GI ของจังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากมองเห็นว่าลูกค้าชาวญี่ปุ่นนิยมรับประทานกล้วยหอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราน่าจะเปิดตลาดกล้วยใหม่ๆให้ชาวญี่ปุ่นได้ทดลองชิม ซึ่งประเทศไทยนั้นพันธุ์กล้วยที่หลากหลาย กล้วยหลายชนิดนิยมรับประทานในประเทศไทย แต่ยังไม่มีโอกาสส่งออก
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คุณพิมใจ มัตสึโมโต ได้นำคณะตัวแทนจาก บริษัท Bay Commerce Co.,Ltd. ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าเกษตร จากเมืองโยโกฮามะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วย นายวัฒนากร ทองจันทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดกำเเพงเพชร และคุณคัทรียา ทองเพ็ชร ผู้บริหารทีมสำนักกิจการระหว่างประเทศ ธ.ก.ส. ซึ่งดูแลการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรของลูกค้าสู่ตลาดต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมแปลงปลูก “กล้วยไข่” ที่ ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ของ นายนพพล เทพประถม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกล้วยไข่ จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อทำการตรวจประเมินแหล่งผลิตกล้วยไข่ เพื่อเสาะแสวงหาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตเพื่อการส่งออก เตรียมปูเส้นทางกล้วยไข่ไปสู่ตลาดญี่ปุ่น
ทั้งนี้หลังจากคณะดูงานได้เดินเยี่ยมชมแปลงปลูก รวมไปถึงได้ชิมกล้วยไข่ของแท้เมืองกำแพงเพชร ต่างก็ชื่นชมว่า รสชาติหวานละมุน เนื้อแน่นหนึบ ไม่กลวง ผิวบาง และมีเอกลักษณ์ คือ ผิวตกกระเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ ซึ่งเกิดจากแร่ธาตุในดินจังหวัดกำแพงเพชร
“ตอนนี้เรื่องของรสชาติเราไม่ติด ถือว่าผ่านเลย แต่การจัดการแปลงปลูกยังต้องมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น แม้ว่าการส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นเราไม่ได้กำหนดว่าจะต้องให้สวยมาก สเปคสูง แต่ก็ต้องให้มีความดูดีอีกสักหน่อย อาจจะเน้นการแต่งกอ การห่อเครือ แต่ตรงนี้ป้ามองว่ามีโอกาสผลิตเพื่อส่งออกไปยังญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน เป้าหมายหลักของพวกเราคือ เกษตรกรจะต้องไม่เป็นหนี้ ทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดี อย่างมาวันนี้นอกจากจะมาดูพื้นที่การปลูกแล้ว ยังมีการซื้อหน่อกล้วยไข่จากสวนของเกษตรกรไปทดลองปลูกที่ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมาอีกด้วย เนื่องจากที่เสิงสางเป็นพื้นที่เดิมที่ทางเราได้มีการดำเนินงานไปแล้วตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผู้ปลูกกล้วยหอม โรงคัดแยก ทีมนักวิจัย และทีมนักส่งเสริม เราได้วางเป้าหมายไว้ว่าจากนี้ไปจนถึงปี 2570 เราจะหากล้วยเพื่อทำการส่งออกให้ได้เต็มโควตา จึงเป็นที่มาของการนำผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อสำรวจแหล่งผลิต และร่วมกันวางแผนในการดำเนินการต่อไป” คุณป้าพิมใจ กล่าว
ด้าน นายวัฒนากร ทองจันทร์ ผู้ช่วย ผอ.ธกส. จ.กำแพงเพชร เผยว่า ในการเข้ามามีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนเกษตรกรนั้น เบื้องต้นจะเป็นเรื่องของเงินทุน การเชื่อมโยงเครือข่าย การตลาด และเรื่องของการวิจัยพัฒนา รวมไปถึงส่วนงานพัฒนาลูกค้า คือการส่งเสริมให้องค์ความรู้ การทำแพคเกจจิ้ง บรรจุภัณฑ์ ที่จะทำให้สินค้าเพิ่มมูลค้า เพราะฉะนั้น ธกส. มีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะส่งเสริมเกษตรกรทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ
ส่วน นายนพพล เทพประถม เจ้าของพื้นที่แปลงกล้วยไข่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เขาคร่ำหวอดในวงการกล้วยไข่มากว่า 30 ปี มีเนื้อที่ 20 ไร่ แบ่งพื้นที่ปลูกกล้วยไข่ 8 ไร่ ที่เหลือปลูกพืชผสมผสาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นอกจากจะทำสวนกล้วยไข่เองแล้ว เขายังมีอีกบทบาท คือ เป็นประธานเกษตรกรกล้วยไข่แปลงใหญ่ โดยมีสมาชิกผู้ปลูกกล้วยไข่ 135 แปลง ที่ขึ้นทะเบียน GI ของอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนั้นในพื้นที่ของเขายังเป็นจุดรับซื้อ และรวบรวมผลผลิตกล้วยไข่ จากสมาชิกเพื่อทำการคัดแยกให้กับผู้รับซื้อที่มีการทำสัญญากันไว้
เรียกได้ว่านายนพพลมีทั้งประสบการณ์ในการปลูก การจัดการกลุ่ม และการตลาดได้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะตั้งรับหลักเกณฑ์การผลิตเพื่อการส่งออก ที่จะเป็นโอกาสเปิดตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับเกษตรกรอย่างแน่นอน.
