กรมส่งเสริมสหกรณ์ มุ่งมั่นขับเคลื่อนบทบาทการเป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร
ทั้งด้านการบริหารจัดการ และการประกอบอาชีพ ผ่านการขับเคลื่อนโครงการและมาตรการสนับสนุนหลากหลายรูปแบบ โดยยึดหลักนวัตกรรมและธรรมาภิบาลเป็นแนวทางหลักในการดำเนินงาน ไม่เพียงมุ่งยกระดับศักยภาพองค์กรสหกรณ์
ให้บริหารงานอย่างมีมาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้ แต่ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร
การสร้างช่องทางการตลาด การแก้ไขปัญหาหนี้สิน การจัดหาที่ดินทำกิน และการสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อให้สหกรณ์และสมาชิกสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ตลอดปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่ตุลาคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 กรมส่งเสริมสหกรณ์ นำโดย นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมในหลายด้าน เริ่มจากการส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจำนวน 11,133 แห่ง ให้บริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมพัฒนาศักยภาพธุรกิจอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้สหกรณ์ทุกประเภท นำระบบแอปพลิเคชันมาใช้ เพื่อให้สมาชิกสามารถตรวจสอบข้อมูลธุรกรรมของตนเองได้ ซึ่งปัจจุบันมีสหกรณ์นำระบบดังกล่าวมาใช้แล้ว 1,834 แห่ง

ในด้านการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า กรมฯ ได้สนับสนุนให้สมาชิกทำการเกษตรปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP ครอบคลุมผัก ผลไม้ สมุนไพร และพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยมีสหกรณ์ที่ผ่านการส่งเสริม 186 แห่ง รวมสมาชิก 3,470 รายและมีสมาชิกที่ได้รับใบรับรอง GAP แล้ว 194 ราย พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นโดยใช้เทคโนโลยีและการตลาดออนไลน์ เพื่อเข้าสู่มาตรฐาน GI เช่น ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติของสหกรณ์การเกษตรสบปราบจังหวัดลำปาง และส้มโอขาวใหญ่ของสหกรณ์การเกษตรบางคนที จำกัด จังหวัดสมุทรสงคราม รวมถึงจัดงาน “Co-op Market Fair พลังสหกรณ์ ขับเคลื่อนสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น” 7 ครั้ง มีสหกรณ์และกลุ่มอาชีพ เข้าร่วม 106 แห่ง สร้างมูลค่าการจำหน่ายกว่า 2.77 ล้านบาท

นอกจากนี้ กรมฯ ยังขับเคลื่อนการตลาดสินค้าสหกรณ์ผ่านงานแสดงสินค้าจำนวน 3 ครั้ง รวม 73 แห่ง มียอดจำหน่ายกว่า 7.96 ล้านบาท พร้อมส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตรและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด เช่น สบู่ส้มแขก หมูฝอย และหมอนยางพารา รวมถึงเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรสินค้าเกษตรจำนวน 22 แห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนและซื้อขายสินค้าระหว่างกัน


ในโครงการแปลงใหญ่ กรมฯ ส่งเสริมให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจำนวน 396 แปลง บริหารจัดการร่วมกันตลอดห่วงโซ่การผลิต และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุน รวมถึงจัดทำแผนการใช้วัสดุเหลือใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าใน 130 แห่ง พร้อมพัฒนาความรู้ด้านการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรผ่าน 6 หลักสูตร มีผู้เข้าร่วม 851 ราย รวมถึงเสริมความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกร 1,295 แห่ง และพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนใน 150 แห่ง ซึ่งผลลัพธ์ทำให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีคุณภาพมาตรฐานสูงขึ้น ทั้งด้านการแปรรูป การบรรจุภัณฑ์ และการตลาด มีปริมาณธุรกิจรวมในรอบ 10 เดือนกว่า 2.36 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.58% จากปีก่อน

ด้านการพัฒนาอาชีพและแก้ไขปัญหาหนี้สิน กรมฯ ถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อสร้างอาชีพแก่สมาชิก 4,565 ราย พัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน 100 แห่ง และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจร้านค้าสหกรณ์รูปแบบซูเปอร์มาร์เก็ต 40 แห่ง รวมถึงช่วยสหกรณ์ที่มีหนี้ค้างชำระ 692 แห่ง ในการบริหารสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถลดหนี้สินรวมกว่า 34,080 ล้านบาท และเพิ่มรายได้ให้สมาชิกกว่า 15 ล้านบาท

ส่วนด้านการบริหารจัดการที่ดิน กรมฯ ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้สมาชิก 458 ราย ครอบคลุม 3,351 ไร่ พร้อมสำรวจวงรอบเขตพื้นที่นิคมและป่า รวมกว่า 591,000 ไร่ และสนับสนุนอุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างเพิ่มศักยภาพธุรกิจเกษตร เช่น รถบรรทุก แทรกเตอร์ เครื่องผสมปุ๋ย และระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 193 รายการ

“กรมฯ ยังได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ รวม 17 โครงการ ครอบคลุมสหกรณ์ 1,243 แห่ง มูลค่ากว่า 3,944 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

ผลงานเด่นในปี 2568 ของกรมส่งเสริมสหกรณ์นี้ สะท้อนบทบาทการเป็นองค์กรหลักในการยกระดับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ด้วยนวัตกรรมและหลักธรรมาภิบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งการพัฒนาสหกรณ์ให้บริหารจัดการอย่างมีมาตรฐาน การสนับสนุนเกษตรปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ การแก้ไขปัญหาหนี้สินสมาชิก ตลอดจนการจัดหาที่ดินทำกินและเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่สมาชิกสหกรณ์อย่างทั่วถึง