ในการเดินทางไปเยี่ยมชม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าแสนใย คนแสนวิถี ตามนโยบายของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม.(ส.ป.ก) ที่ต้องการยกระดับรายได้ของเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน

สังเกตเห็นว่ามีพี่น้องเกษตรกรนำสินค้าทางการเกษตรมาโชว์ให้ผู้สื่อข่าวได้เชยชม และแน่นอนว่าพระเอกของงานไม่พ้น “สับปะรดทองระยอง” สับปะรดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อปี 2558 เรียกว่าไม่เสียชื่อ GI เพราะว่าหลายคนที่ได้ชิม โดยเฉพาะ ลุงพร เกษตรก้าวไกล ถึงกับการันตีผ่านการ LIVE สด ว่า เป็นสับปะรดที่หวานสุดยอดมากๆ และยังมีคุณสมบัติหวานจัดไม่กัดสิ้น ได้สอบถามเกษตรกรที่นำสับปะรดมาร่วมงานทราบว่านิยมปลูกกันมาก ตามร่องสวนยางพารา และร่องสวนปาล์ม โดยปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มกันและนำสับปะรดไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าในหลากหลายรูปแบบ เช่น ไอศกรีมสับปะรด น้ำสับปะรด ข้าวเกรียบสับปะรด ฯลฯ หรือแม้กระทั่งใบสับปะรดก็นำมาแปรรูปเป็นเส้นด้าย นำมาทอเป็นผ้าใยสับปะรด ในนามของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าแสนใย คนแสนวิถี ตามที่เกษตรก้าวไกลได้นำเสนอไปแล้ว คลิกอ่านได้ที่ https://www.kasetkaoklai.com/home/2025/08/ส-ป-ก-ชู-กลุ่มทอผ้าแสนใย/

เปิดตำนานสับปะรดทองระยอง
สับปะรดทองระยองมีต้นกำเนิดจาก สับปะรดสายพันธุ์ควีน (Queen) ที่ได้ถูกนำเข้ามาปลูกในจังหวัดระยองมานานกว่า 40 ปีแล้ว จากคำบอกเล่าของเกษตรกรในพื้นที่
การปลูกเริ่มแรกมาจากคุณฟู จิตพัฒนากูล ที่ได้นำพันธุ์สับปะรดนี้มาจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อนำมาปลูกแซมในสวนยางพารา และเรียกกันว่า “สับปะรดตาหนาม” เนื่องจากขอบใบมีหนามแหลมสั้นๆ สีชมพูอมแดง
ด้วยสภาพดินร่วนปนทรายและภูมิอากาศของจังหวัดระยองที่เหมาะสม ทำให้สับปะรดพันธุ์นี้เจริญเติบโตได้ดี มีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่นและมีรสชาติดีเยี่ยม จนเป็นที่ต้องการของตลาดและมีการปลูกอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา
ความพิเศษของสับปะรดทองระยอง ทำให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็น สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและแหล่งกำเนิดที่แท้จริงของสับปะรดชนิดนี้

ความแตกต่างจากสับปะรดพันธุ์อื่น
สับปะรดทองระยองมีคุณสมบัติที่แตกต่างและโดดเด่นจากสับปะรดพันธุ์อื่นอย่างชัดเจน ดังนี้
รสชาติ: มีรสชาติที่เปรี้ยวอมหวานอย่างลงตัว ทำให้กินแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่แสบคอและไม่กัดลิ้นเหมือนสับปะรดบางสายพันธุ์
ลักษณะเนื้อ: เนื้อมีสีเหลืองทองเข้มตลอดทั้งผล เนื้อแน่น แห้ง และไม่ฉ่ำน้ำจนเกินไป ทำให้เคี้ยวได้เต็มคำ ที่สำคัญคือมีเส้นใยน้อยและแกนกลางกรอบ สามารถกินได้ทั้งแกน
ลักษณะภายนอก: เมื่อแก่จัด ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองสวยงามทั้งผล มองเห็นตาสับปะรดได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
คุณภาพ: มีค่าความหวานอยู่ในช่วง 16-21 องศาบริกซ์ ซึ่งสูงกว่าสับปะรดทั่วไป (สับปะรดทั่วไปมีความหวานเฉลี่ยประมาณ 13.9 ถึง 17.9 องศาบริกซ์) และสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าสับปะรดพันธุ์อื่น

โดยสรุปแล้ว สับปะรดทองระยองไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่เป็นผลผลิตที่เกิดจากภูมิปัญญาของเกษตรกรในพื้นที่ ผสานเข้ากับความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม ทำให้ได้สับปะรดที่มีรสชาติและคุณภาพที่พิเศษไม่เหมือนใคร จนกลายเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดระยองครับ