นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการใช้แก๊สเอทธิลีนร่วมกับการติดตั้งระบบน้ำในสวนยางพารา “สวนยางอารยเกษตร” พัทลุงโมเดล พร้อมด้วย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมี นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คณะกรรมการ กยท. และเกษตรกรชาวสวนยาง เข้าร่วม พร้อมเยี่ยมชมแปลงต้นแบบ ของนายประทีป นวลศรี ณ พื้นที่สวนยางอารยเกษตร อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง

นายอรรถกร กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านการจัดการพื้นที่เกษตรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยแนวทางการทำสวนยางแบบ “อารยเกษตร” นั้นเป็นรูปแบบการจัดการสวนยางแนวใหม่ ที่ผสานองค์ความรู้จากงานวิจัย เทคโนโลยีสมัยใหม่ และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่สวนยางอย่างยั่งยืน โครงการฯ นี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการบูรณาการระหว่าง กยท. และ กรมชลประทาน สะท้อนถึงเป้าหมายในการมุ่งมั่นยกระดับการทำเกษตรกรรมโดยปรับใช้แนวคิดการจัดการสวนยางที่สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มุ่งเน้นให้เกษตรกรชาวสวนยางใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างความมั่นคงในครัวเรือน โดยผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้สวนยางกลายเป็นแหล่งผลิตที่ให้ทั้งรายได้ อาหาร และความยั่งยืนในระยะยาว


“เป้าหมายหลักของโครงการฯ คือต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ควบคู่กับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และให้ชาวสวนยางมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ “สวนยางอารยเกษตร” จึงไม่ใช่แค่แนวทางในการผลิตยาง แต่คือแนวคิดเชิงระบบที่จะเปลี่ยนรูปแบบการทําสวนยางในประเทศไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต” รมว.อรรถกร กล่าวย้ำ

ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมการใช้แก๊สเอทิลีนร่วมกับการติดตั้งระบบน้ำในสวนยางพารา “สวนยางอารยเกษตร” พัทลุงโมเดล กยท. ได้บูรณาการความร่วมมือกับ กรมชลประทานปากพนังบน ในการวางระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยใส เข้าสู่พื้นที่สวนยางอารยเกษตรของเกษตรกร (ในระยะแรก) จำนวน 13 ราย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 80.80 ไร่ โดยระบบน้ำดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในหลากหลายกิจกรรม ทั้งการให้น้ำแก่ต้นยางโดยตรง การให้น้ำแก่พืชแซมยาง และการทำประมงในสวนยาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสวนอย่างรอบด้าน นอกจากนี้ กยท. ยังสนับสนุนการนำนวัตกรรมแก๊สเอทิลีน มาใช้ในการเพิ่มผลผลิตยางพารา ซึ่งช่วยกระตุ้นให้น้ำยางไหลได้นานขึ้น และส่งผลให้ปริมาณน้ำยางที่กรีดได้เพิ่มขึ้นด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการพัฒนาอาชีพสวนยางอย่างยั่งยืน
