เวลานี้พี่น้องเกษตรกรส่งเสียงกันมาว่า..ราคาทุเรียนไทยตกต่ำเหลือ “ตัวเลข 2 หลัก” ณ หน้าสวนในช่วงนี้ (เช่น ต่ำกว่า 100 บาท/กก.) แม้จะดูน่ากังวล จนหลายคนบอกว่านี่คือ “วิกฤต” แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจเป็น “โอกาสสำคัญ” ที่จะพลิกอนาคตทุเรียนไทยทั้งระบบได้ถ้าเรารับมือเชิงรุกอย่างมีแผนและร่วมมือกันหลายฝ่าย ผมขอวิเคราะห์ใน 3 มุมหลัก ดังนี้ครับ:

1. เข้าใจต้นตอของวิกฤต: ไม่ใช่แค่ราคาตก แต่ระบบพึ่งพาตลาดเดียวมากเกินไป
ปัจจัยหลักคือ “ความต้องการของจีนชะลอตัว” ทั้งจากเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน (เริ่มเน้นทุเรียนคุณภาพดี มีแบรนด์ ไม่ใช่แค่ปริมาณ)
- ไทยเองส่งออกทุเรียนสดไปจีนถึง กว่า 95% ผ่านช่องทางต่างๆ ทำให้เมื่อจีนสะดุด เราก็ “ล้มทั้งกระดาน”
- ความคาดหวังผลผลิตมากจากสวนใหม่ที่เพิ่มพื้นที่เร็วมากในช่วงไม่กี่ปี ทำให้ “อุปทานล้นตลาด” เร็วเกินไป

2. พลิกเป็นโอกาส: หาตลาดใหม่ และยกระดับคุณค่า
2.1 ขยายตลาดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง
- อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย” เริ่มบริโภคทุเรียนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบแปรรูป เช่น freeze-dried, ทุเรียนทอด, ครีมทุเรียน (แม้หลายประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม จะผลิตทุเรียนได้เอง แต่ในตลาดเมืองใหญ่ยังมีความนิยมบริโภค ‘ทุเรียนพันธุ์ไทย’ และ ‘ทุเรียนแปรรูปจากไทย’ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงพรีเมียม)
- ซาอุฯ, UAE, กาตาร์” — ผู้บริโภคกลุ่มบนมีพฤติกรรมซื้อทุเรียนจากไทยตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรู
- โอกาส:** ทำ “ทุเรียนแบรนด์ไทย” ไปสู้ ไม่ใช่แค่ส่งแบบ bulk เพื่อรีแบรนด์ที่ประเทศปลายทาง

2.2 เร่งแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศ
- เมื่อทุเรียนสดล้นตลาด แทนที่จะปล่อยให้ราคาตก เราควรสนับสนุนโรงงานขนาดเล็ก-กลางในพื้นที่แหล่งผลิตให้สามารถแปรรูปได้ทันที
- เช่น **ทุเรียนทอด, ไอศกรีมทุเรียน, ซอสทุเรียน, ขนมขบเคี้ยว, น้ำทุเรียนผสมผลไม้ไทยอื่นๆ**
- ช่วยกระจายความต้องการ และลดแรงกดดันจากการต้องขายสดหมดภายในระยะสั้น

2.3 ยกระดับมาตรฐานสวนและความรู้เกษตรกร
- ใช้วิกฤตนี้สร้างโครงการพัฒนาสวนที่มี **คุณภาพสูง, ปลอดสาร, traceability ชัดเจน** และพร้อมต่อยอดไปยังตลาดพรีเมียม เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ EU
- ผลักดันเรื่อง **GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์)** ทุเรียนพื้นถิ่น เช่น หมอนทองตราด, พวงมณีระยอง, ก้านยาวนนทบุรี ให้กลายเป็นสินค้าเฉพาะถิ่นที่สร้างมูลค่าเพิ่ม

สรุป : วิกฤตครั้งนี้อาจ “เจ็บ” ในระยะสั้น แต่คือโอกาสสำคัญที่สุด
ถ้าทุกฝ่าย เกษตรกร ภาครัฐ ผู้ประกอบการ ร่วมกันเปลี่ยนวิธีคิด จาก “ขายได้ก็พอ” → “ต้องขายอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน” วิกฤตปีนี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนทุเรียนไทยในระยะยาวได้จริง

ที่มาข้อมูล : เรียบเรียงเนื้อหาโดย เกษตรก้าวไกลAI ร่วมกับ ChatGPT โดย OpenAI วัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงผลักให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาครัฐได้หาช่องทางตลาดทุเรียนใหม่ๆๆและนำนวัตกรรมมาพัฒนาแปรรูปเพิ่มมูลค่าทุเรียนไทยให้ก้าวไกลต่อไป