
ดร.ดำรง ศรีพระราม รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงาน กล่าวระหว่างแถลงข่าวการจัดงานเกษตรแฟร์ ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมกำพล อดุลย์วิทย์ อาคารสารนิเทศ 50 ปีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ปีนี้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ครบรอบ 80 ปี จึงจัดภายใต้แนวคิด “80 ปี เกษตรนนทรี นำวิถีใหม่ ไทยยั่งยืน” ซึ่งกำหนดจัดวันที่ 3 – 11 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 9 วัน ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ โดยจะมีพิธีเปิดงานเกษตรแฟร์ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.00 น. ได้รับพระกรุณาธิคุณ จากสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี
“งานเกษตรแฟร์ เป็นงานใหญ่ ประจำปี ที่ประชาชน เกษตรกร รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศรอคอย เป็นตำนานวิถีชีวิตของคนเกษตร ที่จะได้มีโอกาสเปิดการเรียนรู้นอกชั้นเรียน ร่วมกัน ระหว่างอาจารย์ นิสิต และบุคลากร มีการนำผลงานวิจัย นวัตกรรมที่ค้นคิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์สังคมและช่วยเหลือประชาชนในมิติต่าง ๆ ออกเผยแพร่โดยวิธีการที่เข้าใจและเข้าถึงง่าย เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประชาชน ซึ่งนิสิตก็จะได้นำความรู้ในห้องเรียน มาฝึกใช้จริงในงานเกษตรแฟร์ ทั้งในด้านการจัดการความรู้ การจัดแสดงนิทรรศการ การตลาด ธุรกิจเชิงพาณิชย์ การบริหารจัดการร้านอาหาร การบริการ การแสดงทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม นาฎศิลป์ และดนตรี นอกจากนี้ ก็ยังจัดให้มีการประกวดทางด้านพืช และ สัตว์เศรษฐกิจ เพื่อแสดงความก้าวหน้าด้านการปรับปรุงพันธุ์ ได้แก่ การประกวดปลากัด การประกวดแพะและแกะ การประกวดผลไม้ การประกวดไม้ประดับ การประกวดกล้วยไม้ตัดดอก การประกวดผลไม้”
 - ดร.ดำรง ศรีพระราม 
ดร.ดำรง กล่าวอีกว่า การจัดงานเกษตรแฟร์ ในปีนี้ นับว่าเป็นการจัดยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 80 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2 กุมภาพันธ์ 2566 และ หลังมหันตภัยโควิด ทำให้การจัดงานได้มีส่วนร่วมของนิสิต อาจารย์ บุคลากร ทุกคณะ สำนัก สถาบัน เต็มรูปแบบในปีนี้ มีร้านค้านิสิต 221 ร้าน ( ชมรมกิจกรรมนิสิต 21 ร้าน / นิสิตทั่วไปรวมกลุ่มกัน อีก 200 ร้าน) ร้านอาหารนิสิต 15 สโมสรนิสิต และ ทุกคณะสำนัก สถาบัน จัดแสดงผลงานและถ่ายทอดความรู้ ตลอดเส้นทางของการจัดงานเกษตรแฟร์ เป็นการพลิกฟื้นบรรยากาศการจัดงานเกษตรแฟร์แบบดั้งเดิมให้ทุกท่านได้มาสัมผัสผลงานนวัตกรรม สอบถามข้อมูลความรู้กันกับอาจารย์ และนิสิตโดยตรง
นอกจากนี้ ยังสร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติของมหาวิทยาลัย และยกระดับงานเกษตรแฟร์สู่สากล คือการออกร้านของสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บาร์เรน บังคลาเทศ จีน ฝรั่งเศส ฮังการี เคนยา มาเลเซีย เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย และแอฟริกา นำสินค้าพื้นเมือง สินค้าท้องถิ่นมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมถึง ศูนย์พืชผักโลก ก็มาร่วมจัดแสกงผลงานและลิตภัณฑ์ร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อน คณะเกษตร กำแพงแสน
อีกหน่วยงานสำคัญ คือกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และ นวัตกรรม ยังได้นำโครงการ U2T for BCG จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศมาร่วมออกร้านจำหน่ายสินค้าและแสดงสินค้า ในโซน A ประตูพหลโยธิน ประมาณ 30 บูธ
“ในนามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมหวังว่า งานเกษตรแฟร์จะช่วยให้คนไทยและคนต่างประเทศมีความสุขมากขึ้น กับผลงานทางการเกษตร อุตสาหกรรม และอาหารของประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านได้ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร ของการจัดงานเกษตรแฟร์ ประจำปี 2566 และร่วมมือกันปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งด้านผู้จัดงาน ผู้ประกอบการร้านค้า และผู้มาชมงาน” ดร.ดำรง ศรีพระราม ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน กล่าวในที่สุด
 
            
 
		












































