กลางวันอากาศร้อนมีแดดแรง กลางคืนอากาศเย็นอุณหภูมิลดต่ำลงในช่วงนี้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกพริกให้เฝ้าระวังหนอนกระทู้หอม ที่สามารถพบได้ในระยะพัฒนาทางลำต้นจนถึงระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตพริก มักพบตัวหนอนฟักออกจากไข่กัดกินผิวใบบริเวณส่วนต่างๆ ของพริกเป็นกลุ่ม หากหนอนโตขึ้นจะแยกย้ายไปกัดกินทุกส่วนของพืช เช่น ใบ ดอก และผลพริก กรณีที่หนอนมีปริมาณมากขึ้นจะมีความเสียหายรุนแรง ผลผลิตพริกเสียหาย และคุณภาพผลผลิตไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
 เกษตรกรควรใช้วิธีป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน คือ วิธีเขตกรรม วิธีกล ชีววิธี และการใช้สารเคมี สำหรับ วิธีเขตกรรม ให้เกษตรกรไถตากดินและเก็บเศษซากพืชอาหาร เพื่อฆ่าดักแด้เป็นการลดแหล่งสะสมและขยายพันธุ์ วิธีกล ให้เกษตรกรเก็บกลุ่มไข่และหนอนไปทำลาย จะช่วยลดการระบาดลงได้ ส่วน การใช้ชีววิธี ให้เกษตรกรใช้ในระยะที่ตัวหนอนมีขนาดเล็กและพบการระบาดน้อย โดยให้ใช้สารจุลินทรีย์ เช่น เชื้อไวรัสหนอนกระทู้หอม (นิวคลีโอโพลิฮีโดรไวรัส) อาทิ DOA BIO V1 (กรมวิชาการเกษตร) หรือในช่วงเวลาเย็นให้เกษตรกรพ่นด้วยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis subsp. aizawai หรือ Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki
เกษตรกรควรใช้วิธีป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน คือ วิธีเขตกรรม วิธีกล ชีววิธี และการใช้สารเคมี สำหรับ วิธีเขตกรรม ให้เกษตรกรไถตากดินและเก็บเศษซากพืชอาหาร เพื่อฆ่าดักแด้เป็นการลดแหล่งสะสมและขยายพันธุ์ วิธีกล ให้เกษตรกรเก็บกลุ่มไข่และหนอนไปทำลาย จะช่วยลดการระบาดลงได้ ส่วน การใช้ชีววิธี ให้เกษตรกรใช้ในระยะที่ตัวหนอนมีขนาดเล็กและพบการระบาดน้อย โดยให้ใช้สารจุลินทรีย์ เช่น เชื้อไวรัสหนอนกระทู้หอม (นิวคลีโอโพลิฮีโดรไวรัส) อาทิ DOA BIO V1 (กรมวิชาการเกษตร) หรือในช่วงเวลาเย็นให้เกษตรกรพ่นด้วยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis subsp. aizawai หรือ Bacillus thuringiensis subsp. kurstaki
 หากพบการระบาดมาก ให้เกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัด โดยใช้สารฆ่าแมลงคลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอร์ฟีนาเพอร์ 10% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอินดอกซาคาร์บ 15% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารสไปนีโทแรม 12% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเมทอกซีฟีโนไซด์ 24% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารลูเฟนนูรอน 5% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นซ้ำตามการระบาด และควรพ่นในระยะที่ตัวหนอนมีขนาดเล็ก หลีกเลี่ยง การพ่นสารฆ่าแมลงชนิดเดียวติดต่อกันหลายครั้ง และควรใช้สารฆ่าแมลงสลับกลุ่มกัน เพื่อป้องกันการสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงชนิดนั้นได้
หากพบการระบาดมาก ให้เกษตรกรใช้สารเคมีในการกำจัด โดยใช้สารฆ่าแมลงคลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคลอร์ฟีนาเพอร์ 10% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอินดอกซาคาร์บ 15% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารอีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารสไปนีโทแรม 12% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเมทอกซีฟีโนไซด์ 24% เอสซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารลูเฟนนูรอน 5% อีซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นซ้ำตามการระบาด และควรพ่นในระยะที่ตัวหนอนมีขนาดเล็ก หลีกเลี่ยง การพ่นสารฆ่าแมลงชนิดเดียวติดต่อกันหลายครั้ง และควรใช้สารฆ่าแมลงสลับกลุ่มกัน เพื่อป้องกันการสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลงชนิดนั้นได้
 
            
 
		














































