“ขับเคลื่อนความรู้เกษตรกรรม4.0” กลยุทธ์คูโบต้าปี60 ชูยอดขาย 55,000 ล้านบาท
ทีมผู้บริหารสยามคูโบต้า พร้อมที่จะขับเคลื่อนความรู้เกษตรกรรม 4.0 ...ด้วยแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions ดังข้อความบนเวทีบอกไว้ชัดเจน

บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยยอดขายทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ปี 2559 มียอดขายรวมปิดที่ 50,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายในปี 2560 เติบโตขึ้น 10% ประกาศรุกตลาดพืชไร่อย่างต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนเกษตรกรรมไทยให้เป็นเกษตรกรรม 4.0 ด้วยแนวคิด KUBOTA (Agri) Solutions ทุกคำตอบเรื่องการเกษตร

นายฮิโรโตะ คิมุระ
นายฮิโรโตะ คิมุระ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ของสยามคูโบต้า ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

นายฮิโรโตะ คิมุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด แถลงผลการดำเนินงานประจำปี 2559 ระบุว่า บริษัทฯ มียอดขายมูลค่ารวมปิดที่ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 27,000 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2558 เนื่องมาจากยอดขายต่างประเทศมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตขึ้น 10% หรือมีมูลค่า 55,000 ล้านบาท

สำหรับตลาดต่างประเทศ จากที่บริษัทฯ ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจและส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา พบว่า ประเทศเมียนมามีตลาดที่เติบโตมากที่สุด เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก จึงเป็นตลาดที่ใหญ่และเกษตรกรยังมีความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร ประกอบกับมีจำนวนครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมอยู่มาก รองลงมาคือกัมพูชา และสปป.ลาว ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ ได้แก่ รถไถเดินตาม เครื่องยนต์ดีเซล แทรกเตอร์ และรถเกี่ยวนวดข้าว ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการพัฒนาเครือข่าย ทั้งการขายและบริการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการหาพันธมิตรทางการเงิน เพื่อเพิ่มความสามารถในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ ของลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย พร้อมทั้งนำเสนอเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ๆเข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มความเหมาะสมกับพืชที่ปลูกและสร้างโอกาสในการเป็นเจ้าของเครื่องจักรกลการเกษตรได้ง่ายขึ้น

“จากความมุ่งมั่นในการขยายตลาด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของคูโบต้ากระจายตัวครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ในปีนี้บริษัทฯจึงได้มีการร่วมทุนกับคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) จัดตั้งบริษัทขึ้นในประเทศ เมียนมา โดย คูโบต้า ประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้น 80% และสยามคูโบต้า ถือหุ้น 20%” นายฮิโรโตะ กล่าว

นายโอภาศ ธันวารชร (คนที่ 2จากขวา) "เราจะทำการตลาดควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านการเกษตร"
นายโอภาศ ธันวารชร (คนที่ 2จากขวา) “เราจะทำการตลาดควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านการเกษตร”

ในส่วนทิศทางการดำเนินงานตลาดในประเทศของสยามคูโบต้าในปีนี้ นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันการแข่งขันการผลิตภาคการเกษตรในระดับโลกสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องทำการเกษตรแบบลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ซึ่งจำเป็นต้องใช้นวัตกรรมด้านการเพาะปลูกสมัยใหม่ที่มีความแม่นยำมากขึ้น อีกทั้งนโยบายของภาครัฐที่ขับเคลื่อนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันซื้อปัจจัยการผลิต รวมกันผลิต และรวมกันขายมากขึ้น ภายใต้โครงการ “เกษตรแปลงใหญ่” โดยมีเกษตรกร ภาครัฐ และเอกชน เข้าไปร่วมกันพัฒนาให้กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หรือที่เรียกว่า เกษตรกรรม 4.0 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้มุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มข้าว พืชไร่ และเกษตรกรที่ปลูกพืชหลายชนิด (multi-crop) มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้บริษัทฯได้วางแผนที่จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนของเครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อการเก็บเกี่ยว ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องการใช้แรงงานคนจำนวนมากในการเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเกษตรกร นอกจากนี้ บริษัทฯจะทำการตลาดควบคู่ไปกับการให้ความรู้และโซลูชั่นด้านการเกษตร ส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในการทำเกษตร ซึ่งจะส่งผลให้ภาคการเกษตรของไทยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

“เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และขับเคลื่อนเกษตรกรรมไทยให้เป็น เกษตรกรรม 4.0 ตามนโยบายของภาครัฐ ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จึงได้พัฒนาระบบการจัดการเกษตรแบบครบวงจรขึ้น ภายใต้ชื่อ “KUBOTA (Agri) Solutions” ทุกคำตอบเรื่องเกษตร ซึ่งจะช่วยยกระดับเกษตรกรรมไทย ด้วยนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมการเพาะปลูกที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งมีความแม่นยำและสม่ำเสมอ ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนจากการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นการปลูกพืชผสมผสาน การเตรียมดิน การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยวผลผลิต การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว และการขนส่งผลผลิต เพื่อช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มปริมาณผลผลิต สร้างคุณภาพผลิตภัณฑ์ และเพิ่มรายได้ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวนี้จะเป็นกลยุทธ์หลักที่จะใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯต่อไปในอนาคต” นายโอภาศ กล่าวในที่สุด

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated