พบเกษตรกรปลูกสละอินโด ได้ผลดีที่พัทลุง
ลุงเชต สงอักษร กับภารกิจประจำวัน...มีความสุขกับการขายผลผลิตสละอินโด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ไปแวะไปที่ “ตลาดนัดใต้โหนด” ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สังเกตเห็นมีผลิตภัณฑ์เกษตรมากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือ “สละอินโด” เห็นมีวางขาย 2 เจ้า ก็เกิดความสนใจทันที

จากการสืบเสาะก็ทราบว่าเป็นผลิตผลในพื้นที่ใกล้เคียง คือเป็นสละจากสวนที่ อ.ป่าพะยอม ซึ่งอยู่ติดกับ อ.ควนขนุน และพบว่าเจ้าของสวนชื่อ “ลุงเชต สงอักษร” …ลองอ่านกันดูว่าปลูกได้ผลดีหรือไม่

สะละอินโดที่วางขาย ณ ตลาดใต้โหนด...จุดเริ่มที่ทำให้ผู้เขียนสนใจ
สละอินโดที่วางขาย ณ ตลาดใต้โหนด…จุดเริ่มที่ทำให้ผู้เขียนสนใจ
แรงบันดาลใจ

ลุงเชต เล่าให้ฟังว่า ได้เริ่มปลูกสละอินโดมาตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว “เริ่มต้นจากน้องบาว(น้องชายภรรยา) ไปเป็น ผอ.โรงเรียนอยู่ที่ อ.ตากใจ จ.นราธิวาส ได้ซื้อสละอินโดมารับประทาน กิโลกรัมละ 180-200 บาท ก็ติดใจ จึงแนะนำให้ผมมาปลูก และได้ซื้อพันธุ์ส่งมาให้จำนวน 1,000 ต้น เป็นพันธุ์อินโดสายน้ำผึ้ง ลูกดำแดง ลายลูกหวาย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าเขาเรียกชื่อพันธุ์อะไรบ้าง”

ได้นำมาปลูกแซมลองกอง ซึ่งปลูกอยู่ประมาณ 10 ไร่ สมัยนั้นลองกองมีราคาดีมาก สละที่นำมาปลูกจึงไม่ค่อยได้รับความสนใจนัก ระยะปลูกก็ไม่แน่นอน มีทั้ง 4×5, 4×6 ขึ้นอยู่กับว่าจะมีพื้นที่ว่างตรงไหน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ปี ก็เห็นว่าสละเริ่มออกกดอก ก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง และก็พบว่าที่ซื้อมา 1,000 ต้นนั้น มีต้นตัวเมียเพียง 400 กว่าต้น ที่เหลือเป็นต้นตัวผู้ทั้งหมด

“ออกดอกจึงรู้ว่าต้นไหนตัวเมีย ต้นไหนตัวผู้ ไม่รู้เลยว่าจะต้องดูแลอย่างไร ผสมเกสรอย่างไร ก็ทำไปตามคำบอกเล่า แต่ก็ปรากฏว่ากลับได้ผลดี ออกลูกมาก็ดีใจกันใหญ่ เพราะสมัยนั้นในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงก็ไม่ค่อยเห็นมีใครเขาปลูกกัน” ลุงเชต เล่าอดีตที่ผ่านมา   

สะละอินโดดกอย่างนี้...ลองกองก็เลยต้องดกอันดับ
สละอินโดดกอย่างนี้…ลองกองก็เลยต้องดกอันดับ
พอสละออกลูกก็ทิ้งลองกอง

เป็นเวลาเดียวกับที่ผลผลิตลองกองเริ่มมีราคาตกต่ำ ลุงเชตก็รู้สึกว่ายังดีที่มีสละอินโดเข้ามาแทนที่

“พอเห็นว่าสละออกลูกดี และคนเริ่มรู้จัก เริ่มซื้อหากันถึงสวน ผมก็หันมาให้ความสนใจสะละอินโดอย่างเต็มที่ ด้วยการเรียนรู้จากเอกสารตำราต่างๆ และที่สำคัญเรียนรู้จากการทดลองทำจริงในสวนของเราเอง ซึ่งก็พบว่าไม่ยากกว่าการปลูกลองกองหรือผลไม้อื่นๆเลย บางคนเขาว่าดูแลยาก แต่ผมว่ามันไม่ยากเลย”

สภาพต้นเล็กๆ แต่ลูกดก...พวงสวย
สภาพต้นเล็กๆ แต่ลูกดก…พวงสวย

“พอปลูกเสร็จก็ไม่ต้องดูแลอะไร เพียงแต่ต้องรดน้ำให้สม่ำเสมอ 2 ปีแรกที่ปลูก ยอมรับว่าไม่ได้ดูแลใส่ปุ๋ยอะไรเลย คือทิ้งตามยถากรรมให้หากินเอง มีบางช่วงที่ลองกองออกเยอะ พ่อค้ามาตัดลองกองเหยียบต้นสละที่ยังเล็กๆไปหลายต้น แต่มันก็ไม่ตาย…ทนมาก”

อย่างไรก็ดี ลุงเชตบอกว่า ลองกองก็ยังมีประโยชน์ตรงที่ให้ร่มเงา เพราะพบว่าสะละชอบแสงแดดรำไร…ขาดลองกองก็ไม่ได้เหมือนกัน ต้องพึ่งพากันและกัน …แต่แน่นอนว่าลองกองที่เคยเป็นพืชหลักก็ถูกลดบทบาทให้เป็นพืชรองตั้งแต่นั้นมา

การดูแลจัดการ…

ลุงเชต ได้ใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าที่จะเรียนรู้ว่าจะต้องดูแลจัดการอย่างไร กล่าวคือช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. จะต้องพักต้น เพราะให้ผลผลิตมาแล้วทั้งปี แม้ว่าจะมีดอกออกมาก็หยุดผสม …วิธีการพักต้นที่ว่าคือจะให้ปุ๋ยเคมี 2 กระสอบ ต่อประมาณ 400 กว่าต้น พร้อมขี้ไก่ต้นละ 1 กระสอบ และรดน้ำสม่ำเสมอตรงโคนต้น ซึ่งจะใช้ระบบน้ำหยด จะดีกว่าสปริงเกอร์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเชื้อราและดอกหรือลูกเน่าได้

พอเดือน พ.ย. จึงเริ่มผสมเกสร ไปจนถึงเดือน เม.ย. จึงจะหยุดผสม และพอครบ 6 เดือน หรือ 180 วันสละก็จะเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

ช่วงที่ผสมเกสรนั้น (ตั้งแต่เดือน พ.ย. เป็นต้นไป) จะหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ “กอแก้วนาโน” ฉีดป่นทางใบทุก 15 วันต่อครั้ง และเปลี่ยนเป็นทุก 10วันต่อครั้ง ในช่วงที่เริ่มติดผล

“การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ถือว่าช่วยลดต้นทุนได้มาก เช่นเคยใช้ปุ๋ยเคมีต้นทุนสูงปีละ 2-3 หมื่นบาท แต่พอใช้ปุ๋ยอินทรีย์แบบนี้ ต้นทุนปุ๋ยแค่ 5 พัทบาทต่อปี และคิดว่าให้ผลผลิตดกดีด้วย”

ช่วงที่สละเริ่มติดผลเล็กๆ จะต้องตัดแต่งลูกทิ้งออกไปบ้าง รวมทั้งตัดพวงที่ไม่ต้องการออกไป เช่น ทะลายหนึ่งมี 5 พวง อาจะตัดเหลือ 2-3 พวง เพราะถ้าไว้ทั้งหมดจะทำให้ลูกเล็กไม่สมบูรณ์…

อีกเรื่องหนี่งในการจัดการดูแล จะต้องคอยตัดแขนงหรือต้นที่แตกออกมาใหม่ให้เหลือกอละ 3 ต้นเท่านั้น ไม่นั้นมันจะแย่งอาหารกัน

สะละอินโด...ผลผลิตที่พร้อมนำไปจำหน่าย
ผลผลิตที่พร้อมนำไปจำหน่าย
ผลผลิตหน้าสวน 80 บาท ขายส่ง 70 บาท

ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย.-เดือน ส.ค. เป็นช่วงที่เก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะทยอยออกมาเหมือนมะพร้าวและปาล์ม

ผลผลิตที่ได้จะเน้นขายที่หน้าสวนกิโลกรัมละ 80 บาท และส่วนหนึ่งได้ขายส่งให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงสวนในราคากิโลกรัมละ 70 บาท (เกรด A) ซึ่งก็เริ่มมีพ่อค้ามารับซื้อ มาถามหาผลผลิตถึงสวนไม่เคยขาด เพราะว่าสละอินโดเริ่มเป็นที่นิยมของผู้บริโภค และอีกอย่างหนึ่งมีตลาดในท้องถิ่นเกิดขึ้นมาก ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ขายดียิ่งขึ้น ชนิดที่ว่าผลผลิตไม่พอขายเลยทีเดียว

“ราคา 70-80 บาท ต่อกิโลกรัม ถือเป็นราคาที่ดี คุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งต้นทุนก็ไม่มีอะไรมาก …ปีหนึ่งๆ จะได้ผลผลิตประมาณ 6 ตัน คิดเป็นรายได้ก็ประมาณปีละ 480,000 บาท ยังไม่รวมที่ขายต้นพันธุ์ด้วยเวลานี้”

ทราบจากลุงเชตว่า การผลิตต้นพันธุ์ขาย กำลังไปได้ดี มีคนมาดูงานถึงสวนกันหลายคณะ และรายการทีวีมาถ่ายทำ จนเป็นที่รู้จักกันดีว่าสละอินโดพัทลุง

ต้นพันธุ์สะละอินโดพัทลุง...สวนลุงเชต พร้อมส่งทั่วประเทศ
ต้นพันธุ์สละอินโดพัทลุง…สวนลุงเชต พร้อมส่งทั่วประเทศ

“เวลานี้มีคนสั่งต้นพันธุ์จากทั่วประเทศ เช่น ลำปาง เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ บางคนสั่งให้ส่งทางเครื่องบินก็มี ต้นหนึ่งๆขาย 25 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับที่ผมเคยซื้อเมื่อ 17 ปีที่แล้ว”

ถามลุงเชตว่า ในเมื่อราคาดีอย่างนี้ และไม่เคยตกต่ำจากราคานี้ ทำไมไม่ขยายเพิ่มเล่า ก็ได้รับคำตอบว่า แค่นี้ก็ดูแลไม่ทัน เพราะลูกๆ 3 คน เรียนหนังสือทำงานในเมืองกันหมด จึงเหลือ 2 คน กับภรรยา ซึ่งเดิมนั้นเคยคิดว่าจะตัดโค่นต้นยางพาราที่มีอยู่ประมาณ 20 ไร่ เพื่อปลูกสละอินโด แต่คิดไปคิดมา ทำแค่ที่มีอยู่ให้มันดีก็พอเพียงแล้ว

ต้องการพูดคุยเพิ่มเติม…ติดต่อสวนลุงเชต สละอินโดพัทลุง เลขที่  186 หมู่ 5 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง โทร. 089 9746784 (ลุงเชต) หรือ 087 8378126 (นุชากร)…หรือต้องการเยี่ยมชมสวนก็นัดหมายกันได้

SIMA_webbanner_468x90_TH_animated